ยอดซื้อหนังสือพุ่งกระฉูด 873 ล้านบาท วอนรัฐบาลส่งเสริมต่อเนื่อง
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ร่วมกับสวนดุสิตโพล สำรวจความคิดเห็นประชาชน 1,547 ตัวอย่าง เรื่องมาตรการซื้อหนังสือลดหย่อนภาษี หรือ “ช็อปหนังสือช่วยชาติ” สรุปผลพบว่า ประชาชน ร้อยละ 82.55 รับรู้/ทราบข่าวเกี่ยวกับมาตรการดังกล่าว โดยร้อยละ 91.27 เห็นด้วยมากที่สุดกับการดำเนินมาตรการ และร้อยละ 67.87 เห็นว่าสามารถทำให้ประชาชนสนใจอยากอ่านหนังสือมากขึ้น นอกจากนี้ ยังพบว่าจากการประกาศใช้มาตรการดังกล่าว ประเภทร้านหนังสือที่ประชาชนนิยมซื้อมากที่สุด ได้แก่ ร้อยละ 67.42 เป็นร้านหนังสือขนาดใหญ่ อาทิ นายอินทร์ บีทูเอส ซีเอ็ดบุ๊ค รองลงมาร้อยละ 22.37 ร้านหนังสืออิสระ หรือร้านขนาดเล็กที่อยู่ตามพื้นที่ของจังหวัดต่างๆ และร้อยละ 10.21 ร้านหนังสือออนไลน์อีบุ๊ก
นายวีระกล่าวอีกว่า ประชาชนร้อยละ 52.28 เห็นว่าประโยชน์ที่ได้รับจากมาตรการนี้มากที่สุดคือ ทำให้ประชาชนสนใจการอ่านมากขึ้น รองลงมาร้อยละ 34.18 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศและร้อยละ 28.42 เปิดโอกาสให้คนที่สนใจได้ซื้อหนังสือ นอกจากนี้ ร้อยละ 81.84 เห็นว่ารัฐบาลควรสนับสนุน หรือจัดให้มีมาตรการลักษณะนี้ต่อไป ซึ่งส่วนใหญ่มีค่าใช้จ่ายหนังสือจากการประกาศมาตรการต่อครั้งเฉลี่ยประมาณ 1,000 บาท ขณะเดียวกัน สวธ.ได้รายงานสรุปข้อมูลจากสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย พบว่า การประกาศใช้มาตรการภาษีดังกล่าวของรัฐบาลครั้งนี้ ทำให้รายได้จากการจำหน่ายหนังสือและสิ่งพิมพ์ของร้านหนังสือเชนสโตร์ ร้านหนังสืออิสระและสำนักพิมพ์ เพิ่มขึ้นจาก 3 ปีที่ผ่านมา (2558-2560) ถึงร้อยละ 33.3 จากยอดจำหน่ายปกติของเดือนธันวาคมที่อยู่ประมาณ 670 ล้านบาท โดยเพิ่มเป็น 873.19 ล้านบาท และสามารถจำหน่ายหนังสือกว่า 8,731,900 เล่ม นับว่ายอดจำหน่ายสื่อสิ่งพิมพ์เฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงมากในเวลาเพียง 1 เดือน
...
“ทางสมาคมผู้จัดพิมพ์ฯได้เสนอว่า หากเพิ่มระยะเวลามาตรการภาษีจะทำให้ยอดจำหน่ายหนังสือและสื่อสิ่งพิมพ์เพิ่มขึ้นมากกว่าปัจจุบัน โดยผู้บริหารร้านขายหนังสือต่างๆเห็นว่าเป็นมาตรการที่ดีควรส่งเสริมให้มีอย่างต่อเนื่องเพราะเป็นการกระตุ้นและสนับสนุนให้คนไทยรักการอ่าน เป็นการส่งเสริมการสร้างปัญญาเพื่อการพัฒนาประเทศที่มีต้นทุนที่ถูกที่สุดและมีความยั่งยืนอีกด้วย” รมว.วัฒนธรรมกล่าว.