ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการคลัง เตรียมขึ้นภาษีบุหรี่หรือภาษีบาปในอัตรา 2 บาทต่อซอง เพื่อนำเงินจากการเก็บภาษี ไปใช้ในงบหลักประกันสุขภาพหรืองบบัตรทอง ว่า การขึ้นภาษีบุหรี่หรือภาษีบาป ถือเป็นเรื่องที่ดี ที่ช่วยลดปริมาณนักสูบให้น้อยลง เพราะโดยหลักการแล้ว การขึ้นภาษีบุหรี่ถือเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการลดปริมาณการสูบบุหรี่และยังช่วยลดจำนวนนักสูบหน้าใหม่ด้วย ทั้งนี้หลายประเทศทั่วโลกมีการขึ้นภาษีบุหรี่ทุกปี เช่น ประเทศออสเตรเลีย บุหรี่จะมีราคาสูงถึงซองละกว่า 30 ดอลลาร์ นอกจากนี้บุหรี่ยังเป็นสินค้าที่ต้องเก็บภาษีในอัตรา 70% ของราคาที่ขาย ดังนั้นการที่กระทรวงการคลังและกระทรวงสาธารณสุขหารือร่วมกันว่าจะขึ้นราคาบุหรี่ในอัตรา 2 บาทต่อซองถือเป็นเรื่องที่เหมาะสมและเป็นเรื่องที่ดีมากที่จะเก็บภาษีบาปทั้งจากบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ มาใช้ในการดูแลสุขภาพในกลุ่มผู้ป่วยบัตรทอง อย่างไรก็ตามถึงแม้จะนำเงินจากภาษีบาปมาใช้ในการดูแลสุขภาพประชาชน แต่เงินที่ได้ก็ยังไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายของรัฐ ที่ต้องดูแลผู้ป่วยที่เกิดขึ้นจากการที่ประชาชนได้รับผลกระทบจากบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์.