หลัง พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิตใหม่มีผลบังคับใช้มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย.2560 ส่งผลทำให้โรงงานยาสูบ รัฐวิสาหกิจที่เคยมีกำไร ปีละเฉียดหมื่นล้านบาท ขาดทุนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และปีนี้คาดว่าจะขาดทุนถึง 5,000 ล้านบาท

ไม่เพียงจะต้องเปิดเออร์ลี่รีไทร์พนักงานราว 500 ตำแหน่ง ยังส่งผลกระทบชิ่งมายังเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบกว่า 50,000 ครัวเรือน และผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการผลิตใบยาอีกกว่า 100,000 ราย ใน 20 จังหวัด

โรงงานยาสูบเริ่มแสดงอาการอิดออด จะไม่รับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรตามโควตาที่ได้ตกลงกันไว้...แถมโควตาปีหน้าโรงงานยาสูบก็ยังไม่ยอมประกาศ ทั้งที่ทุกปีต้องประกาศแล้ว เพื่อเกษตรกรจะไปเตรียมตัวได้ทัน

พูดง่ายๆทำเป็นตีมึน...ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย

แม้จะมีคำสั่งจากกระทรวงการคลังให้รับซื้อใบยาสูบจากเกษตรกรฤดูกาลผลิต 61-62 เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นแล้วก็ตาม

คิดดู เกษตรกรกลุ่มนี้ส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลตัวเมือง มีโควตาผูกติดอยู่กับโรงงานยาสูบมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้น และถ่ายทอดอาชีพจากรุ่นสู่รุ่นจนปลูกทำอย่างอื่นแทบจะไม่เป็น เพราะมีโควตาของโรงงานยาสูบเป็นสัญญาจูงใจให้ทำการเพาะปลูก

ที่ผ่านมาภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบ ได้จัดการประชุมอุตสาหกรรมยาสูบประเทศไทย มีตัวแทนสมาคมและเครือข่ายชาวไร่ยาสูบจากทั่วประเทศ มีการยาสูบแห่งประเทศไทย บริษัทผู้นำเข้าบุหรี่ ตัวแทนร้านค้าปลีกค้าส่ง และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องหลายครั้ง...แต่โรงงานยาสูบเองยังอ้ำๆอึ้งๆ ไม่ชัดเจนเรื่องโควตา

ทั้งที่เขาแค่อยากรู้จะรับซื้อต่อไหม ราคาเท่าไร และปีหน้าจะต้องเปลี่ยนอาชีพหรือไม่

เกษตรกรรู้จักวางแผนชีวิต...ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ วางแผนเป็นหรือไม่.­­

สะ–เล–เต

...