วันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ ประธานาธิบดีทรัมป์  ได้ลงนามคำสั่งฝ่ายบริหาร สั่งขึ้นภาษีนำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโก 25% ขึ้นภาษีนำเข้าจากจีน 10% ทุกรายการ มีผลตั้งแต่วันอังคารที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นต้นไป ประธานาธิบดีทรัมป์ บอกกับชาวอเมริกันตอนหาเสียงว่า การขึ้นภาษีนำเข้า “จะไม่เป็นภาระสำหรับชาวอเมริกัน แต่จะเป็นต้นทุนสำหรับประเทศอื่น”  ไม่รู้ชาวอเมริกันจะหลงเชื่อคำพูดของทรัมป์หรือไม่ แต่นักเศรษฐศาสตร์สหรัฐฯไม่เชื่อ ทุกสำนักวิเคราะห์ไปในทางเดียวกันว่าชาวอเมริกันทุกคนจะต้องรับชะตากรรมการขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ในครั้งนี้กันถ้วนหน้า ต้องจ่ายค่าสินค้าอุปโภคบริโภคที่แพงขึ้นตามภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้ครัวเรือนลดลง

จัสติน ทรูโด นายกฯแคนาดาไม่ยอมให้ทรัมป์รังแกฝ่ายเดียว สั่งขึ้นภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ 25% ตอบโต้ มีผลตั้งแต่ 4 ก.พ. เช่นเดียวกัน ส่วน จีน  พี่เบิ้มใหญ่ใช้วิธีนุ่มนวลกว่าคือ ยื่นฟ้องต่อองค์การค้าโลก (WTO)  ระบุว่า สหรัฐฯฝ่าฝืนระเบียบการค้าโลกอย่างร้ายแรง

การขึ้นภาษีนำเข้าของทรัมป์ในครั้งนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกร่วงกันระนาวรวมทั้งบิทคอยน์ แดงเถือกทุกกระดาน ดัชนีหุ้นทั่วโลกร่วงลงทันทีที่เปิดตลาดวันจันทร์ ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ฟิวเจอร์แดงนำหน้ามาแต่เช้าตรู่ ติดลบไปกว่า 665 จุด ตลาดหุ้นแนสแด็กซ์

ฟิวเจอร์ ก็ติดลบไปกว่า 573 จุด ราคาบิทคอยน์ ก็ร่วงไป 7,000 กว่าดอลลาร์ ดัชนีนิกเกอิญี่ปุ่น ร่วงไปกว่าพันจุด ตลาดหุ้นไทย เปิดมาก็ร่วงลงสู่จุดต่ำสุดที่ 1,272 จุด ติดลบไป 42 จุด ก่อนกระเตื้องขึ้นมาติดลบกว่า 20 จุดในครึ่งวันแรก

จีน เม็กซิโก แคนาดา เป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ปี 2022 สหรัฐฯนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่า 536,000 ล้านดอลลาร์ นำเข้าจากเม็กซิโกมูลค่า 455,000 ล้านดอลลาร์ และ นำเข้าจากแคนาดามูลค่า 437,000 ล้านดอลลาร์ บวกลบคูณหารง่ายๆ การขึ้นภาษีครั้งนี้ ชาวอเมริกันต้องจ่ายค่าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้น 53,600 ล้านดอลลาร์ จ่ายค่าสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดาเพิ่มขึ้น 223,000 ล้านดอลลาร์  รวมแล้ว ชาวอเมริกันต้องจ่ายค่าสินค้าแพงขึ้นถึง 276,600 ล้านดอลลาร์ เป็นความ “โง่” หรือ “ฉลาด” ของผู้นำสหรัฐฯก็ไม่รู้

...

สำนักข่าวนิกเกอิ รายงานว่า การขึ้นภาษีนำเข้าครั้งนี้ อุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯอาจสูญเสียกำไรถึง 33,000 ล้านดอลลาร์  เพราะมีรถยนต์และชิ้นส่วนนำเข้าจากเม็กซิโก 27% จากแคนาดา 12% รถยนต์ที่ขายในสหรัฐฯ 22% ผลิตจากเม็กซิโกและแคนาดา บริษัทรถยนต์สหรัฐฯหลายแห่งย้ายฐานผลิตไปยังเม็กซิโก และนำเข้าชิ้นส่วนจากสหรัฐฯครึ่งหนึ่ง  อาจได้รับความเสียหายเลวร้ายมากขึ้น การขึ้นภาษีน้ำมัน ก๊าซ แร่ธาตุสำคัญจากแคนาดา  ก็กระทบสหรัฐฯโดยตรง สหรัฐฯนำเข้านํ้ามันจากแคนาดามากถึง 60% ของการนำเข้าทั้งหมด ถ้ารวมเม็กซิโกด้วยก็เป็น 70% รวมทั้ง แร่หายากสหรัฐฯก็นำเข้าจากแคนาดาถึง 40% ทดแทนการนำเข้าจากจีน ล้วนส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯทั้งหมด

นักเศรษฐศาสตร์อเมริกันวิเคราะห์ว่า ทรัมป์คงไม่ฉลาดนัก เพราะภาษีนำเข้าจะถูกบวกเข้าไปในราคาสินค้า “ผลักภาระ” ไปให้ “ผู้บริโภคอเมริกัน” ส่งผลให้ ครัวเรือนที่มีรายได้ปานกลางสูญเสียรายได้ราว 2,500–3,900 ดอลลาร์ต่อปี การขึ้นภาษีนำเข้ายังทำให้ ราคาสินค้าทั่วไปในชีวิตประจำวันชาวอเมริกันพุ่งสูงขึ้น เช่น ทีวี อุปกรณ์เครื่องเสียงและอื่นๆ สหรัฐฯนำเข้าจากจีน 30% เฟอร์นิเจอร์ ของเล่น เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ก็เป็นสินค้าหลักที่สหรัฐฯนำเข้าจากจีนที่ต้องจ่ายในราคาที่สูงขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยที่สุด

บล.มิซูโฮ ญี่ปุ่นวิเคราะห์ว่า เมื่อประเทศที่ได้รับผลกระทบตอบโต้ทางภาษี อาจส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯได้รับผลกระทบรุนแรงยิ่งขึ้น จีดีพีสหรัฐฯอาจถดถอยถึง 0.76%  ปี 2018 ทรัมป์เป็นประธานาธิบดีสมัยแรก สั่งขึ้นภาษีนำเข้าเครื่องซักผ้า 50% ทำให้ชาวอเมริกันต้องจ่ายค่าเครื่องซักผ้าเพิ่มขึ้นปีละ 15,000 ล้านดอลลาร์ เดือดร้อนกันทั้งประเทศเขียนแล้วก็นึกถึง พาเหรดฟุตบอลประเพณีจุฬา– ธรรมศาสตร์ นิสิตนักศึกษาเขียนว่า “มผนงรจตกม” มีผู้นำโง่เราจะตายกันหมด 4 ปีจากนี้ชาวอเมริกันจะได้พิสูจน์อีกประเทศ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”

คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม