กลายเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ เมื่อ DeepSeek ปัญญาประดิษฐ์ (AI) หน้าใหม่จากจีน ที่เกิดจากการพัฒนาของบริษัทสตาร์ตอัพเล็กๆในเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง เพิ่งเปิดตัวได้อาทิตย์เดียว ก็สามารถโค่นเอไอยักษ์ใหญ่สหรัฐฯลงได้อย่างราบคาบ ส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทผลิตชิปเอไอยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ NVIDIA ที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก 3.6 ล้านล้านดอลลาร์ ราคาร่วงลงมา 600,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ 20.4 ล้านล้านบาท หรือ 17% ในเวลาเพียงวันเดียว เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มกราคม ถือเป็นราคาหุ้นที่ลดลงสูงสุดในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นสหรัฐฯเลยทีเดียว ดัชนีหุ้นไฮเทค NASDAQ ก็ร่วงไป 612 จุด กว่า 3% ลามไปถึง ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ยุโรป ร่วงกันระนาว แม้แต่ ประธานาธิบดีทรัมป์ ก็ยังต้องออกมาพูดถึง DeepSeek เอไอราคาถูกจากจีนด้วยความอึ้งทึ่งในความเก่งกาจสามารถ
DeepSeek ยังสร้างสถิติใหม่ด้วยการแซงหน้าแอปเอไอยอดฮิตอย่าง OpenAI และ ChatGPT ใน แอปเปิล สโตร์ และ กูเกิล เพลย์ โดยมียอดดาวน์โหลดสูงสุดในสหรัฐฯอีกด้วย
DeepSeek ก่อตั้งขึ้นในปี 2566 โดย เหลียง เหวินเฟิง (Liang Wenfeng) ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง High–Flyer กองทุนที่ใช้เอไอในการเทรดหุ้นและวิเคราะห์ทรัพย์สินทางการเงิน โดยมุ่งเน้นการศึกษาวิจัยปัญญาประดิษฐ์ทั่วไป เหลียงได้ว่าจ้างนักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ที่มีแนวคิดที่จะแก้คำถามที่ยากที่สุดในโลกอย่างจริงจัง และ เปิดตัวโอเพ่นซอร์สจำนวนมากในช่วงปลายปี 2567 ทำให้ดีพซีคเริ่มเป็นที่รู้จัก รวมถึง โมเดลภาษาขนาดใหญ่ V3 ซึ่งมีประสิทธิภาพเหนือกว่า LLM โอเพ่นซอร์สทั้งหมดของ Meta บริษัทแม่เฟซบุ๊ก และเทียบเคียงกับ GPT4–0 ของ OpenAI ใช้เวลาฝึกเพียง 55 วัน ด้วยต้นทุนเพียง 5.58 ล้านดอลลาร์ น้อยกว่าต้นทุนของ OpenAI และ Google ที่ใช้เงินหลายร้อยล้านดอลลาร์
...
DeepSeek มีความสามารถหลายด้าน เช่น การให้เหตุผล แสดงขั้นตอนการคิด การอธิบายผลลัพธ์ การแก้ปัญหาทางคณิตศาสตร์ปัญหาเชิงตรรกะ มีความสามารถช่วยตัดสินใจ สามารถเรียนรู้จากข้อมูลใหม่ๆ ตลอดจนสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ได้ กระแสตอบรับ DeepSeek เริ่มร้อนแรงขึ้นในต้นเดือนมกราคม 2568 นี้เอง เมื่อดีพซีคเปิดตัว DeepSeek R1 ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ จนพุ่งขึ้นสู่อันดับสูงสุดในร้านค้าแอป สิ่งที่บริษัทสหรัฐฯอย่าง OpenAI และ Google กลัวก็คือ ดีพซีคมีราคาถูกมาก คิดค่าบริการโมเดลขั้นสูงสุดเพียง 2.19 ดอลลาร์ต่อ 1 ล้านโทเคน ตํ่ากว่า OpenAI ที่คิดราคาสูงถึง 60 ดอลลาร์ถึง 30 เท่า
แต่ DeepSeek ก็มีจุดอ่อนคือ ถูกจำกัดด้วยนโยบายที่เข้มงวดในการวิพากษ์วิจารณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน ตัวอย่างเช่น DeepSeek R1 จะปฏิเสธการตอบคำถามเกี่ยวกับเหตุการณ์สังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน โดยระบุว่า “ขออภัย นั่นเกินขอบเขตปัจจุบันของฉัน มาคุยเรื่องอื่นกันเถอะ” แต่ผลกลับเห็นว่า เจ้า DeepSeek มันฉลาดกว่า ChatGPT ของสหรัฐฯ เพราะรู้ว่าอะไรคือความเสี่ยงทางการเมืองและสังคมที่ต้องหลีกเลี่ยง ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากมากที่ AI จะสามารถเรียนรู้เรื่องเหล่านี้
สิ่งที่น่าทึ่งอีกอย่างคือ DeepSeek ใช้ชิป H800s ซึ่งเป็นชิปที่มีประสิทธิภาพตํ่าของ NVIDIA มาใช้สร้าง DeepSeek R1 โดยใช้เวลาสั้นๆเพียง 2 เดือนในการพัฒนา เนื่องจากสหรัฐฯสั่งห้ามขายชิปคุณภาพสูงให้จีน ความดังแบบข้ามคืนของดีพซีค ทำให้ หลี่ เฉียง นายกฯจีน เชิญ เหลียง เหวินเฟิง เข้าพบ เหลียงบอกกับ
นายกฯจีนว่า ดีพซีคต้องการชิปเพิ่มเติม ถ้าดีพซีคสามารถเข้าถึงชิปคุณภาพสูงอย่าง NVIDIA และ ASML ก็เหมือนมังกรติดปีกแน่นอน
ความดังของ DeepSeek ยังทำให้ ประธานาธิบดีทรัมป์ ต้องออกมาพูดถึงสตาร์ตอัพรายนี้ว่า เป็นเรื่องดีที่บริษัทจีนสามารถคิดค้นวิธีสร้าง AI ที่มีราคาถูกกว่าและประมวลผลได้เร็วกว่า เป็นสัญญาณเตือนให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯตื่นตัว เราต้องมุ่งแข่งขันเพื่อชนะ เขียนเรื่องดีๆทีไรก็คิดถึงประเทศไทยทุกที เราคิดแค่ “ขอเพียงมีกินมีใช้มีศักดิ์ศรี” ก็พอ.
“ลม เปลี่ยนทิศ”
คลิกอ่านคอลัมน์ “หมายเหตุประเทศไทย” เพิ่มเติม