สำหรับ “ปากกา” ที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯนำมาใช้ลงนามคำสั่ง Executive Order หรือรับรองร่างกฎหมาย แน่นอนว่าไม่ใช่ของที่ขายกันตามร้านสะดวกซื้อ หาได้ทั่วไป แต่ต้องเป็นของเกรดพรีเมียมที่สมกับการจดน้ำหมึกรับรองเรื่องสำคัญของชาติบ้านเมือง

ซึ่งผู้นำแต่ละคนย่อมมีรสนิยมและมุมมองแตกต่างกันไป โดยนับตั้งแต่ยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 ประธานาธิบดีธีโอดอร์ รูสเวลต์ เลือกที่จะใช้ปากกาหมึกซึมยี่ห้อ “วอเตอร์แมน” แต่ต่อมาในสมัยประธานาธิบดีแฮร์รี ทรูแมน และดไวต์ ดี. ไอเซนฮาวเออร์ ตัดสินใจเปลี่ยนไปใช้ปากกาหมึกซีมพรีเมียมของบริษัท “ปาร์กเกอร์” อีกทั้งยังมีเกร็ดด้วยว่าทรูแมนขอให้บริษัทสั่งทำพิเศษ เนื่องจากเป็นคนเขียนหนังสือมือซ้าย

ส่วนยุคของประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี มีการสลับไปมาระหว่างปาร์กเกอร์กับ “มงต์บลอง” ในขณะที่ประธานาธิบดีลินดอน จอห์นสัน ริชาร์ด นิกสัน และจิมมี คาร์เตอร์ เลือกใช้ปากกาปาร์กเกอร์รุ่นเอเวอร์ชาร์ป

จนกระทั่งยุคของประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ปากกาประจำทำเนียบขาวจึงถูกเปลี่ยนเป็นของ “เอที ครอสส์” บริษัทเครื่องเขียนแห่งแรกของอเมริกา และใช้เรื่อยมาไม่ว่าจะเป็นสมัยของประธานาธิบดีจอร์จ บุช บิล คลินตัน จอร์จ ดับเบิลยู บุช บารัค โอบามา และโจ ไบเดน แต่ในช่วงนี้ได้มีการสลับไปมาระหว่างปากกาหมึกซึมกับปากกา ลูกลื่น ไม่ว่าจะเป็นรุ่นทาวน์เซนด์คลาสสิก เซนจูรี หรือครอสส์ เซนจูรี

อย่างไรก็ตาม คนที่แหวกธรรมเนียมใช้ปากกาหรูคือประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ตัดสินใจเลือกใช้ปากกาเคมียี่ห้อ “ชาร์ปี” โดยมองว่าคล่องมือกว่า ปากกาพรีเมียมทั้งหลายก็ไม่เห็นจะเขียนดี แถมราคาแพงด้ามละเป็นหมื่น (บาท) ชาร์ปีนี่แหละ รัฐแทบไม่ต้องจ่ายอะไรเลย

...

แต่แน่นอน ทรัมป์ก็ยังคงเป็นทรัมป์ โทรศัพท์ไปหาเจ้าของบริษัทชาร์ปีเรียบร้อยว่า ขอปากกาเคมีชาร์ปีรุ่นพิเศษสำหรับใช้ส่วนตัว และที่สำคัญต้อง “ดีไซน์ออกมาให้คนใช้ดูรวยนะ”.


ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม