ถ้าการเลย์ออฟพนักงานของบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมไฮเทค คือเทรนด์ใหญ่ของปี 2024 ที่ทำเอามนุษย์เงินเดือนทั่วโลกขวัญผวาไปหมด “การลาออกล้างแค้น” (Revenge Quitting) ก็จะกลายเป็นเทรนด์ใหม่สร้างแรงกระเพื่อมไม่หยุดตลอดปี 2025 เมื่อลูกจ้างตาดำๆขอเอาคืนนายจ้างบ้าง ด้วยการลาออกอย่างกะทันหันหายตัวไปดื้อๆ เพื่อประท้วงคนงกนัก!!
ถามว่าอะไรคือตัวเร่งให้เกิดปรากฏการณ์การลาออกล้างแค้น “จอห์น สกอตต์” หัวหน้าฝ่ายออกแบบและกลยุทธ์การเรียนรู้ของ “MasterClass at Work” ชี้ว่า ประสบการณ์เชิงลบต่างๆซึ่งสะสมจากที่ทำงานมานานหลายปี คือระเบิดเวลาชั้นดีรอวันปะทุ ไม่ว่าจะเป็นขวัญและกำลังใจที่ถูกทำลายลงจากสถานการณ์ลอยแพพนักงานระลอกแล้วระลอกเล่า, รู้สึกว่าทำงานหนักแต่ถูกเมิน, ความรู้สึกไม่ได้รับการยอมรับ, การโดนเอาเปรียบจากนายจ้าง, รู้สึกหมดไฟในการทำงาน, ไม่เห็นโอกาสก้าวหน้าในที่ทำงาน, ไม่ผูกพันกับวัฒนธรรมองค์กร, รู้สึกแปลกแยก, ความคาดหวังของแต่ละเจนที่เปลี่ยนไป รวมถึงภัยคุกคามจากความก้าวหน้าของเทคโนโลยี และ AI
ก่อนหน้านี้ “การสมัครงานด้วยความโกรธ” (Rage Applying) เคยเป็นเทรนด์ใหญ่ในหมู่พนักงานชาวเจน Z ที่ไม่มีความสุขกับงานที่ทำ เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกมองข้ามและไร้คุณค่าต่อองค์กร จึงร่อนใบสมัครงานไปทั่วเพื่อระบายความคับแค้นใจ แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไป คาดการณ์ว่าปี 2025 ตลาดแรงงานจะฟื้นตัวแข็งแกร่งขึ้นทั่วโลก เหล่าพนักงานผู้คับข้องใจที่เคยบอกตัวเองว่าอดทนไว้จนกว่าจะแลนด์ จึงพร้อมใจกันลาออกล้างแค้น เพื่อไขว่คว้าโอกาสใหม่ๆสร้างอนาคตให้ตัวเอง
จากรายงานของ “Glassdoor Worklife Trends 2025” พบว่า 65% ของพนักงาน รู้สึกว่าตกหลุมอยู่ในบทบาทหน้าที่เดิมๆ โดยไม่มีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพการงานเลย หากองค์กรปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้ความขุ่นเคืองที่เก็บกดมานานยิ่งเดือดพล่าน และก่อให้เกิดคลื่นแห่งการลาออกเพื่อล้างแค้นตลอดปี 2025
...
ใช่ว่าทุกคนจะสามารถลาออกล้างแค้นได้โดยไม่แคร์โลก “ดร.มาเรส์ เบสเตอร์” ที่ปรึกษาอาวุโสของ SHL มองว่า “การลาออกล้างแค้น” เป็นวิธีของพนักงานในการแก้แค้นบริษัทใหญ่ๆ และเป็นการส่งข้อความเตือนถึงนายจ้างทั้งหลายว่า ถ้าไม่มีการปรับเปลี่ยนองค์กร คุณอาจสูญเสียบุคลากรที่มีความสามารถและจงรักภักดีต่อองค์กรไปชั่วนิรันดร์ โดยเฉพาะองค์กรล้าหลังที่ยึดติดอยู่กับการทำงานรูปแบบเก่าๆ และไม่เคยฟังเสียงของพนักงาน มีโอกาสเสี่ยงถูกล้างแค้นมากที่สุด
ท่ามกลางยุคสมัยที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ลูกจ้างเองก็มีทางเลือกและมีความต้องการในสิ่งที่ดีขึ้น เมื่อที่ทำงานเก่าไม่สามารถตอบสนองความต้องการนั้นได้ และไม่เคยยืดหยุ่นให้กับพนักงาน สัญญาอะไรก็ไม่เป็นสัญญา ความอดทนของพวกเขาจึงหมดสิ้นลงดื้อๆ และพร้อมจะเดินจากไปหาสิ่งใหม่ๆที่ดีกับชีวิตมากกว่า
นี่ไม่ใช่แค่เทรนด์ที่ผ่านมาแล้วผ่านไป เมื่อตลาดแรงงานเริ่มคลายตัวในปี 2025 พนักงานระดับหัวกะทิที่ทุ่มเททำงานหนักเกินไป จะตัดสินใจลาออกอย่างกะทันหันไม่ให้ได้ตั้งตัว คงเหลือไว้แต่พวกเช้าชามเย็นชาม และพวกหมดไฟที่ซ่อนตัวเก่ง หนีรอดจากการถูกจิ้มให้ออกครั้งแล้วครั้งเล่า เผลอๆ ยังได้เลื่อนขั้นซะด้วย เพราะเป็นแรงงานราคาถูก แถมอึดถึกทนไม่มีปากมีเสียงดี.
มิสแซฟไฟร์
คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม