นักข่าวสาวชาวอิตาลีเดินทางกลับบ้านแล้ว หลังถูกจับกุมและคุมขังในอิหร่านนานเกือบ 1 เดือน โดยจนถึงตอนนี้ยังไม่มีการเปิดเผยว่า เธอถูกจับกุมข้อหาอะไร

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า น.ส.เซซิเลีย ซาลา นักข่าวสาวชาวอิตาลี ได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำในประเทศอิหร่านแล้ว ในวันพุธที่ 8 ม.ค. 2568 และเดินทางกลับบ้านที่ประเทศอิตาลีแล้ว ตามการเปิดเผยของ น.ส. จอร์เจีย เมโลนี นายกรัฐมนตรีอิตาลี

น.ส.ซาลาเป็นผู้สื่อข่าวของสำนักข่าว “อิล โฟกลิโอ” (Il Foglio) ของอิตาลี ซึ่งรายงานว่าเธอถูกเจ้าหน้าที่ของอิหร่านจับกุมตัวในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2567 ขณะรายงานข่าวในกรุงเตหะราน และถูกควบคุมตัวเอาไว้ที่เรือนจำเอวิน

เซซิเลีย ซาลา เดินทางถึงสนามบินของกองทัพในกรุงโรม เมื่อ 8 ม.ค. 2568
เซซิเลีย ซาลา เดินทางถึงสนามบินของกองทัพในกรุงโรม เมื่อ 8 ม.ค. 2568

...

ล่าสุดในวันพุธที่ 8 ม.ค. 2568 สำนักงานนายกรัฐมนตรีอิตาลีประกาศว่า เครื่องบินที่จะพาตัว น.ส.ซาลากลับบ้านออกเดินทางจากกรุงเตหะรานแล้ว “ต้องขอบคุณการทำงานอย่างเข้มข้นผ่านช่องทางทางการทูตและการข่าวกรอง ทางการอิหร่านปล่อยตัวเพื่อนร่วมชาติของเราแล้ว และเธอกำลังเดินทางกลับอิตาลี”

ประธานาธิบดีอิตาลี แซร์จิโอ มัตตาเรลลา ได้แจ้งข่าวให้ครอบครัวของ น.ส.ซาลารู้ผ่านทางโทรศัพท์เมื่อช่วงเช้าวันพุธ

สำนักข่าว “โครา มีเดีย” (Chora Media) ที่ น.ส.ซาลาก็ทำงานให้เช่นกัน ระบุว่า ซาลาเดินทางออกจากกรุงโรมในวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ด้วยวีซานักข่าวอย่างถูกต้อง และได้รับความคุ้มครองในฐานะนักข่าวที่กำลังปฏิบัติหน้าที่

เซซิเลีย ซาลา สวมกอดกับพ่อและแม่หลังเดินทางกลับมาถึงกรุงโรม
เซซิเลีย ซาลา สวมกอดกับพ่อและแม่หลังเดินทางกลับมาถึงกรุงโรม

โครา มีเดีย เปิดเผยในช่วงปลายเดือนธันวาคมว่า ซาลาสัมภาษณ์บุคคลต่างๆ และผลิตชิ้นงานออกอากาศผ่านพ็อดแคสต์ “โครา นิวส์” (Chora News) จำนวน 3 ตอน และรายงานเรื่องที่ซาลาถูกจับกุมหลังจากนั้นหลายสัปดาห์ โดยอ้างว่า รัฐบาลอิตาลีกับครอบครัวของเธอขอให้ปิดข่าว เนื่องจากเชื่อว่าเธอจะได้รับการปล่อยตัวโดยเร็ว

สำนักข่าว IRNA ของอิหร่าน รายงานในเดือนธันวาคมโดยอ้างการเปิดเผยของกระทรวงวัฒนธรรมอิหร่าน ว่า “น.ส.ซาลาถูกจับกุมตัวหลังจากละเมิดกฎหมายของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน” แต่นายอันโตนิโอ ทาจานี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของอิตาลี กล่าวหลังจากนั้นหลายวันว่า พวกเขายังไม่รู้เลยว่าซาลาถูกจับข้อหาอะไร

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cnn