(ภาพจาก facebook / Comune di Belcastro)

นายกเทศมนตรีออกคำสั่งให้ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของอิตาลี ห้ามป่วยหนัก โดยเจ้าตัวอ้างว่าจำเป็นต้องทำเพื่อสะท้อนปัญหาความบกพร่องของระบบสาธารณสุขท้องถิ่น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายอันโตนิโอ ตอร์เคีย นายกเทศมนตรีท้องถิ่น ออกคำสั่งให้ชาวบ้านของหมู่บ้าน เบคาสโตร (Belcastro) หมู่บ้านเล็กๆ ในแคว้นคาลาเบรีย ทางตอนใต้ของอิตาลี หลีกเลี่ยงจากการเจ็บป่วยใดๆ ที่อาจทำให้ต้องรับความช่วยเหลือฉุกเฉินทางแพทย์

นายตอร์เคียระบุว่า คำสั่งของเขาเป็นการปลุกปั่นที่ดูน่าขำอย่างชัดเจน แต่มันยังได้ผลมากกว่า “ข้อความด่วน” ที่เขาส่งไปยังทางการส่วนภูมิภาค เพื่อเน้นย้ำเรื่องข้อบกพร่องของระบบสาธารณสุขท้องถิ่น

นายกเทศมนตรีรายนี้บอกอีกว่า หมู่บ้านเบลคาสโตรมีผู้อยู่อาศัยประมาณ 1,200 คน และราว 50% เป็นผู้มีอายุเกิน 65 ปี และแผนกฉุกเฉินและอุบัติเหตุ (A&E) ที่ใกล้ที่สุดก็อยู่ห่างออกไปถึง 45 กม.และเข้าถึงได้ด้วยการขับรถผ่านถนนจำกัดความเร็วที่ 30 กม./ชม.เท่านั้น

แพทย์เวรของหมู่บ้านซึ่งเป็นแบบ on-call หรือรอเรียก ก็เปิดทำการเป็นครั้งคราวเท่านั้น และไม่ครอบคลุมวันสุดสัปดาห์, วันหยุดนักขัตฤกษ์ และหลังเวลาทำการ

นายตอร์เคียบอกกับสถานีโทรทัศน์ของอิตาลีว่า เป็นเรื่องยากที่จะรู้สึกปลอดภัยเมื่อคุณรู้ว่า หากคุณต้องการความช่วยเหลือ คุณทำได้เพียงแค่ต้องไป A&E ให้ทันเวลาเท่านั้น และถนนหนทางกลับเป็นสิ่งที่มีความเสี่ยงมากกว่าความเจ็บป่วยใดๆ

ทั้งนี้ ตามคำสั่งของนายตอร์เคีย ชาวบ้านถูกห้ามไม่ให้ทำพฤติกรรมที่อาจเป็นอันตราย และหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุภายในบ้าน, ไม่ออกจากบ้านบ่อยเกินไป หรือเดินทาง หรือเล่นกีฬา และให้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการพักผ่อน

...

อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการเปิดเผยแน่ชัดว่า เจ้าหน้าที่จะบังคับใช้คำสั่งนี้อย่างไร

อนึ่ง แคว้นคาลาเบรีย เป็นหนึ่งในดินแดนที่ยากจนที่สุดในประเทศ โดยการบริการจัดการที่ผิดพลาดกับการเข้าแทรกแซงของกลุ่มมาเฟีย ทำให้ระบบสาธารณสุขภายในแคว้นย่ำแย่ลง โดยมีโรงพยาบาลปิดทำการไปแล้ว 18 แห่ง นับตั้งแต่ปี 2552 ทำให้กว่าครึ่งของประชากรของแคว้นคาลาเบรีย ซึ่งมีเกือบ 2 ล้านคน ต้องไปรักษาในแคว้นอื้น

ด้านชาวเมืองเบลคาสโตรบอกกับสื่อท้องถิ่นวว่า นายกเทศมนตรีตอร์เคียทำถูกแล้วที่พยายามฉายแสงให้เห็นปัญหา “เขาต้องใช้คำสั่งปลุกปั่นแบบนี้เพื่อดึงดูดให้คนสนใจปัญหาที่ร้ายแรง”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc