นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสถูกบีบให้ออกจากตำแหน่งแล้ว เนื่องจากพ่ายแพ้การลงมติไม่ไว้วางใจ หลังพยายามใช้อำนาจพิเศษผลักดันกฎหมายงบประมาณ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายมิเชล บาร์นิเยร์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งแล้ว ในวันพุธที่ 4 ธ.ค. 2567 หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ร่วมมือกันสนับสนุนญัตติไม่ไว้วางใจ ด้วยคะแนนเห็นชอบ 331 เสียง จากทั้งหมด 577 เสียง

นายบาร์นิเยร์กลายเป็นนายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสคนแรกที่แพ้โหวตไม่ไว้วางใจนับตั้งแต่ปี 2505 และทำสถิติเป็นนายกรัฐมนตรีที่มีวาระสั้นที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยอยู่ในตำแหน่งได้เพียง 3 เดือนเท่านั้น

ทั้งนี้ พรรค “ฟรานซ์ อันโบลด์” (France Unbowed - LFI) ฝ่ายซ้ายจัด กับพรรค “เนชันแนล แรลลี” (National Rally-RN) ของ น.ส.มารีน เลอ เปน ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันจันทร์ที่ 2 ธ.ค. 2567 หลังจากนายบาร์นิเยร์พยายามใช้อำนาจพิเศษ ผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปี โดยข้ามขั้นตอนการลงมติของรัฐสภา

โดยหลังจากนี้คาดกันว่า คณะรัฐมนตรีของนายบาร์นิเยร์จะทำหน้าที่รักษาการไปก่อน จนกว่าประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง จะเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก เพราะเขาถูกบีบให้ต้องเอาใจสมาชิกสภาทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวา ที่ครองอำนาจในสภาอยู่ 2 ใน 3

อนึ่ง การเมืองฝรั่งเศสแบ่งเป็น 3 ขั้วอำนาจ หลังกลุ่มพันธมิตรพรรคฝ่ายซ้าย “นิว ป๊อปปูลาร์ ฟรอนต์” (New Popular Front - NFP) ชนะการเลือกตั้งรัฐสภาฝรั่งเศสเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เหนือกว่ากลุ่ม ‘เอนเซมเบิล’ (Ensemble) พันธมิตรการเมืองของประธานาธิบดี เอ็มมานูเอล มาครง และพรรค RN ฝ่ายขวาจัด

...

นายมาครงแต่งตั้งนายบาร์นิเยร์เป็นนายกรัฐมนตรี ควบคุมรัฐบาลเสียงข้างน้อย โดยต้องหวังพึ่งคะแนนโหวตจากกลุ่มขั้วอำนาจอื่นๆ เพื่อผ่านกฎหมายต่างๆ

อย่างไรก็ตามกลุ่ม NFP ไม่พอใจการตัดสินใจของนายมาครง ที่เอนเอียงไปทางขวามากขึ้น ด้วยการเลือกนายบาร์นิเยร์เป็นนายกรัฐมนตรี และประกาศกร้าวว่าจะไม่โหวตช่วยรัฐบาล ทำให้นายบาร์นิเยร์เหลือที่พึ่งเดียวคือพรรค RN แต่เขาไม่คิดว่าจะสามารถผ่านร่างกฎหมายงบประมาณด้วยวิธีปกติได้ จึงต้องใช้อำนาจพิเศษมาตรา 49.3

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cnn