ไม่ทันจะเข้าพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการ โดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความปั่นป่วนกับเศรษฐกิจโลก จากนโยบายภาษีนำเข้าสินค้า ประเดิมกับ ประเทศเม็กซิโก ที่ ทรัมป์ จะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า ร้อยละ 25 ไม่ทันข้ามคืน ประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบัมของเม็กซิโก ส่งคำเตือนถึง ทรัมป์ ให้ระวังสงครามการค้าจากการตอบโต้สหรัฐฯ จะทำให้สหรัฐฯเผชิญกับปัญหาการว่างงานกว่า 4 แสนคน และจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯลดลง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น บริษัทฟอร์ด ที่ผลิตรถกระบะขายในสหรัฐฯ ร้อยละ 88 ผลิตในเม็กซิโก จะทำให้ราคาสูงกว่าเดิมประมาณ 3 พันดอลลาร์

ในขณะที่ กระทรวงพาณิชย์จีน ออกมาระบุว่า การขึ้นภาษีของทรัมป์ ไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาของสหรัฐฯ และสหรัฐฯควรเคารพกฎหมายขององค์การการค้าระหว่างประเทศ เข้าใจว่าสหรัฐฯพยายามกดดันจีนให้แก้ไขปัญหายาเฟนทานิลที่หลั่งไหลเข้าสหรัฐฯด้วย

ล่าสุด ทรัมป์ประกาศด้วยวาจา ยืนยันจะมีการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจาก แคนาดา ร้อยละ 25 รวมทั้งจีนและเม็กซิโกในวันแรกที่รับตำแหน่ง ส่งสัญญาณชัดเจน ประกาศสงครามเศรษฐกิจอย่างเต็มรูปแบบ

ในเอเชีย โดยเฉพาะอาเซียนไม่น่ารอด อย่างน้อยก็ต้องโดนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเพิ่มร้อยละ 10 แม้แต่ประเทศทำข้อตกลงทางธุรกิจกับสหรัฐฯ เช่น เวียดนาม ก็คงหนีไม่พ้น ยกเว้นว่าจะมีเงื่อนไขพิเศษอื่นๆ

สื่ออินเดีย อ้างคำเตือนของ ทรัมป์ ส่งถึงบรรดาประเทศ ในกลุ่ม BRICS ที่พยายามจะลด การพึ่งพิงเงินดอลลาร์ จะถูกกำหนดมาตรการภาษีเต็ม 100% เท่ากับเป็นการเริ่มทำสงครามเศรษฐกิจเต็มตัว

เพราะการที่ สหรัฐฯ ประกาศสงครามเศรษฐกิจกับประเทศที่กำลังพัฒนา เท่ากับว่าเป็นการฉุดเศรษฐกิจให้ติดกับดักความเป็นอิสระ หรือเขตการค้าเสรี เป็นการประกาศอย่างเปิดเผยของ ทรัมป์ ที่เปิดฉากสงครามเศรษฐกิจกับประเทศต่างๆ และผลกระทบทางเศรษฐกิจจะเป็นข่าวร้ายไปทั่วโลก ในเวลาไม่เกิน 6 เดือนนี้ ทรัมป์ต้องการที่จะแสดงให้เห็นว่า การเป็นมหาอำนาจหมายเลข 1 ที่ประกาศไว้จะเป็นความจริง

...

ความมั่นคงภายในของสหรัฐฯก็ปั่นป่วนเมื่อ ทรัมป์ต้องการให้ คริสโตเฟอร์ เรย์ พ้นจากตำแหน่งหัวหน้า เอฟบีไอ และผลักดันให้ แคช ปาเตล อดีตเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเชื้อสายอินเดีย เข้ามาทำหน้าที่แทน เข้าใจว่าทรัมป์จะเลือกเอาคนที่ไว้ใจและภักดี มาทำงานให้มากที่สุด

ความเคลื่อนไหวของทรัมป์ เป็นการบ้านที่ทุกประเทศจะต้องหาทางรับมือเอาไว้ล่วงหน้า ในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศที่จะชี้นำการเมืองและความมั่นคง ต่อไปนี้การลงนามข้อตกลงทางการค้าใดๆ นอกจากจะมัดคอตัวเองยังกลายเป็นเรื่องไร้สาระไปฉิบ.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “คาบลูกคาบดอก” เพิ่มเติม