ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น หม่านหยี่ เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งเกาะลูซอน ของฟิลิปปินส์แล้ว ขณะที่ทางการสั่งอพยพประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน เพื่อรับมือหายนะที่อาจเกิดขึ้น
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น หม่านหยี่ เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งของฟิลิปปินส์เป็นครั้งที่ 2 หลังจากมันพัดผ่านเกาะกาตันดัวเนส ทางตะวันออกของประเทศ เมื่อเวลาประมาณ 21.40 น. วันเสาร์ที่ผ่านมา (16 พ.ย. 2567) ด้วยความเร็วลมสูงสุดถึง 195 กม./ชม. ก่อนที่มันจะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งเกาะลูซอน เกาะหลักของฟิลิปปินส์ในวันอาทิตย์
หน่วยงานสภาพอากาศของฟิลิปปินส์ต้องประกาศเตือนคลื่นพายุหนุนซัดฝั่ง หรือ สตอร์มเซิร์จ ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต รวมถึง ฝนตกหนัก และลมกระโชกแรงในหลายพื้นที่ โดยมีประชาชนมากกว่า 1 ล้านคน ได้รับคำสั่งให้อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยง นับตั้งแต่มีการประกาศเตือนภัยครั้งแรก
หม่านหยี่ เป็นไต้ฝุ่นลูกที่ 6 ที่พัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ภายในระยะเวลาเพียง 1 เดือนเท่านั้น โดยพายุ 5 ลูกก่อนหน้านี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 160 ศพ และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
สื่อของฟิลิปปินส์ระบุว่า ไต้ฝุ่นหม่านหยี่สร้างความเสียหายบนเกาะกาตันดัวเนส ตลอดทางที่มันเคลื่อนตัวผ่าน ทั้งถอนรากถอนโคนต้นไม้ เสาไฟฟ้า และทำให้อาคารบ้านเรือนเสียหาย อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้อ่อนกำลังลงเลย และเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งจังหวัดออโรรา และเริ่มเคลื่อนตัวบนเกาะลูซอน โดยมีลมกระโชกความเร็วสูงสุดถึง 305 กม./ชม.
พยากรณ์อากาศคาดว่า หม่านหยี่จะทำให้ฝนตกหนักเป็นวงกว้างในพื้นที่ทางเหนือของเกาะลูซอน โดยคาดว่าในวันจันทร์จะมีฝนตกลงมาราว 200 มม. ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ดินถล่มรุนแรง และคนนับล้านต้องเสี่ยงอันตรายจากคลื่นสตอร์มเซิร์จ
...
ถึงแม้ทางการฟิลิปปินส์จะออกคำสั่งให้ประชาชนกว่า 1 ล้านคนในพื้นที่เสี่ยงอพยพ แต่จนถึงตอนนี้มีผู้ปฏิบัติตามราว 500,000 คนเท่านั้น ซึ่งนาย อาริเอล เนโปมูเซโน ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันพลเรือน เรียกร้องให้ประชาชนทุกคนที่อาศัยอยู่บนเส้นทางของพายุ ปฏิบัติตามคำสั่งอพยพ
อนึ่ง กรุงมะนิลา เมืองหลวงของฟิลิปปินส์ ซึ่งมีประชากรประมาณ 15 ล้านคน ไม่ได้อยู่บนเส้นทางของพายุหม่านหยี่
อิทธิพลของพายุลูกล่าสุดนี้ยังทำให้ฟิลิปปินส์ต้องยกเลิกเที่ยวบินหลายสิบเที่ยวในช่วงเช้าวันอาทิตย์ ก่อนที่พายุจะเคลื่อนตัวมาถึงเกาะลูซอน
ทั้งนี้ ไต้ฝุ่นทั้ง 5 ลูกที่พัดเข้าสู่ฟิลิปปินส์ก่อนหน้านี้ได้แก่ พายุจ่ามี มาถึงเมื่อปลายเดือนตุลาคม ทำให้เกิดฝนตกหนักในภาคเหนือของฟิลิปปินส์ ปริมาณน้ำฝนเทียบเท่า 1 เดือนภายในเวลาไม่กี่วัน มีผู้เสียชีวิตหลายสิบศพ แต่แดนตากาล็อกต้องเผชิญพายุ กองเร็ย ต่อเกือบจะในทันที มีผู้เสียชีวิต 3 ศพ
จากนั้นในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน ไต้ฝุ่นหยินซิ่ง ก็พัดเข้าสู่ภาคเหนือของเกาะลูซอน ทำให้บางพื้นที่ฝนตกหนักปริมาณน้ำฝนถึง 250 มม. ก่อนที่ในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ไต้ฝุ่น โทราจี และไต้ฝุ่นอูซางิ จะพัดถล่มต่อเนื่องกัน และทำให้เกิดฝนตกหนัก ซ้ำเติมความเสียหายจากพายุลูกก่อนๆ
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc