เกาหลีเหนือโจมตีด้วยการรบกวนสัญญาณจีพีเอส ในวันศุกร์และวันเสาร์ กระทบต่อการเดินเรือและเครื่องบินพลเรือนในเกาหลีใต้หลายสิบลำ
คณะเสนาธิการทหารร่วมของเกาหลีใต้ระบุในแถลงการณ์ที่ออกในวันเสาร์ที่ 9 พ.ย. 2567 ว่า เกาหลีเหนือกระทำการยั่วยุโดยรบกวนสัญญาณจีพีเอส (GPS) ที่เมืองแฮจูกับแคซ็อง เมื่อวานและในวันนี้ ทำให้เรือหลายลำกับเครื่องบินพลเรือนหลายสิบลำต้องเผชิญกับอุปสรรคเชิงปฏิบัติการบางอย่าง
กองทัพเกาหลีใต้ยังเตือนผู้ขับขี่เรือและเครื่องบินในทะเลเหลือง ให้ระวังการโจมตีดังกล่าว “เราขอเรียกร้องอย่างรุนแรงต่อเกาหลีเหนือ ให้หยุดการยั่วยุด้วยจีพีเอส และขอเตือนว่าพวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อปัญหาใดๆ ที่เกิดขึ้นตามมาเพราะเรื่องนี้”
ข้อกล่าวหาเรื่องการรบกวนสัญญาณเกิดขึ้นเพียงสัปดาห์เดียว หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบยิงสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็น ขีปนาวุธข้ามทวีปเชื้อเพลิงแข็งที่ทรงพลังและก้าวหน้าที่สุดของพวกเขา และเป็นการทดสอบยิงจรวดครั้งแรกนับตั้งแต่ถูกกล่าวหาว่า ส่งทหารไปรัสเซีย เพื่อช่วยมอสโกรบกับยูเครน
เมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) เกาหลีใต้ก็ทดสอบยิงขีปนาวุธของตัวเองลงสู่ทะเล เพื่อแสดงให้เห็นความแน่วแน่ของพวกเขา ที่จะตอบโต้การยั่วยุใดๆ ของเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ กำลังอยู่ในจุดต่ำที่สุดในรอบหลายปี โดยเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่องแม้จะละเมิดการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ และส่งบอลลูนขนขยะเข้าสู่เกาหลีเหนือ ตอบโต้ที่กลุ่มนักเคลื่อนไหวของเกาหลีใต้ ส่งบอลลูนแจกใบปลิวเข้าไปในประเทศของพวกเขา
กองทัพเกาหลีใต้อ้างด้วยว่า รัฐบาลเปียงยางเคยพยายามรบกวนสัญญาณจีพีเอสมาแล้วในเดือนพฤษภาคม แต่ตอนนั้นการรบกวนสัญญาณไม่ได้กระทบปฏิบัติการทางทหารใดๆ ในเกาหลีใต้
...
ด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การรบกวนสัญญาณแบบนี้ อาจนำไปสู่เหตุการณ์อื่นที่อาจทำให้ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีเพิ่มสูงขึ้นอีก
“ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่า (เกาหลีเหนือ) มีความตั้งใจที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของโลกไปจากการเคลื่อนกำลังพล (ไปรัสเซีย) หรือต้องการทำให้เกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยเชิงจิตวิทยาในหมู่ประชาชนในเกาหลีใต้ หรือเป็นการตอบโต้การฝึกซ้อมทางทหารเมื่อวันศุกร์กันแน่” นาย ยัง มู-จิน ประธานมหาวิทยาลัยศึกษาเกาหลีเหนือ ในกรุงโซล บอกกับสำนักข่าว เอเอฟพี
“แต่ว่าการรบกวนสัญญาณจีพีเอส ทำให้เกิดความเสี่ยงที่แท้จริงที่จะเกิดเหตุการณ์ร้ายแรง รวมถึงโอกาสเกิดอุบัติเหตุเกี่ยวกับเครื่องบิน ในกรณีเลวร้ายที่สุด”
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna