หน่วยงานด้านสภาพภูมิอากาศของยุโรปโคเปอร์นิคัสระบุว่าปี 2024 อาจจะเป็นปีที่อุณหภูมิทั่วโลกร้อนที่สุดนับตั้งแต่มีการจดบันทึกมา 

นับเป็นครั้งแรกที่โลกในปีนี้อุณหภูมิสูงขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยก่อนยุคอุตสาหกรรม อ้างอิงข้อมูลจากโครงการบริการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโคเปอร์นิคัส ของสหภาพยุโรป(Copernicus Climate Change Service - C3S)

โดยนายคาร์โล บูออนเทมโป ผู้อำนวยการของโคเปอร์นิคัสกล่าวว่าข้อมูลนี้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องของก๊าซเรือนกระจกในบรรยากาศที่ส่งผลให้เกิดภาวะโลกร้อน ทำให้เกิดการทำลายสถิติของอุณหภูมิอย่างต่อเนื่อง

บูออนเทมโปยังกล่าวอีกว่าการที่อุณหภูมิสูงเกิน 1.5 องศาเซลเซียสใน 1 ปีนั้น เกินจากเป้าหมายที่ตกลงกันในข้อตกลงปารีสปี 2015 ซึ่งมีเป้าหมายที่จะควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสตั้งแต่ยุคก่อนอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ยในระยะเวลา 20 ถึง 30 ปี

การเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้ มีขึ้นก่อนหน้าที่ประเทศต่างๆ กำลังเตรียมการเจรจาในการประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 29 หรือ COP29 ในปีนี้ ซึ่งจะจัดขึ้นที่อาเซอร์ไบจานในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าประเทศต่างๆ จะพยายามแสวงหาข้อตกลงร่วมในการระดมทุนเพื่อรับมือกับสภาพอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง

...

รายงานของสหประชาชาติในปีนี้กล่าวว่า ตั้งแต่กลางทศวรรษ 1800 เป็นต้นมา อุณหภูมิโลกได้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 1.3 องศาเซลเซียส ซึ่งสูงกว่าประมาณการก่อนหน้านี้ที่อยู่ที่ 1.1 หรือ 1.2 องศา ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวล เนื่องจากสหประชาชาติระบุว่าเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เป้าหมายควบคุมอุณหภูมิไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียสเป็นจริง -ขณะที่ชัยชนะของ โดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ก็ยิ่งทำให้ความหวังที่จะบรรลุเป้าประสงค์จากที่ประชุมครั้งนี้ลดลงไปมาก.

ที่มา : AP

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ โลกร้อน