สหรัฐอเมริกาปิดหีบเลือกตั้ง นับคะแนนเสียงการชิงชัยเก้าอี้ “ประธานาธิบดีสหรัฐ อเมริกา” คนใหม่ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. วันที่ 5 พ.ย.ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ตรงกับเวลาไทย 06.00 น. วันที่ 6 พ.ย. มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้ากว่า 82 ล้านคนทั่วประเทศ จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 244 ล้านคนทั่วประเทศ ขณะที่มีการพบทุจริตเลือกตั้งหลังทรัมป์อ้างบนเวทีหาเสียงที่เมืองอัลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนียว่ามีเจ้าหน้าที่พบบัตรลงคะแนนเสียง 2,600 ฉบับ ถูกโหวตโดยคนคนเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศแห่แพร่ข่าว “น้องหมูเด้ง” ฮิปโปฯแคระตัวตึงแห่งสวนสัตว์เปิดเขาเขียวของไทย กินกระทงผลไม้เสี่ยงทายเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
เมื่อวันที่ 5 พ.ย.สำนักข่าวต่างประเทศรายงาน ถึงบรรยากาศการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ที่มีนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน วัย 78 ปี กับนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตัวแทนพรรคเดโมแครต วัย 60 ปี ทยอยปิดหีบเลือกตั้งเพื่อนับ คะแนนเสียงตั้งแต่เวลา 18.00 น. ของวันที่ 5 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯเป็นต้นไป และตรงกับเวลา ของไทยเวลา 06.00 น. วันที่ 6 พ.ย. ขณะที่มีผู้ใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งล่วงหน้ามากกว่า 82 ล้านคนทั่วประเทศ จากผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 244 ล้านคนทั่วประเทศ
สำนักข่าวบีบีซีระบุว่า การนับคะแนนเสียงในรัฐสวิงสเตท พื้นที่สมรภูมิที่ชี้ชะตาว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะอาจมีความล่าช้า ในการนับคะแนนเสียงเลือกตั้งในรัฐอริโซนา ได้นับคะแนนเสียงเลือกตั้ง 70-80% ของผู้ลงคะแนนเสียงทั้งหมด ในเวลาประมาณ 20.00 น. คืนวันเดียวกัน ทางการรัฐอริโซนายังเผยด้วย ว่า อาจต้องใช้เวลาถึง 13 วัน จะนับผลโหวตจาก ทั่วทั้งรัฐจนหมด เช่นเดียวกับรัฐวิสคอนซิน ที่ใช้เจ้าหน้าที่นับคะแนนกว่า 300 คน และใช้เครื่องนับคะแนนความเร็วสูงถึง 13 เครื่อง ยังมีบัตรเลือกตั้งล่วงหน้าที่ยังเดินทางมาไม่ถึงรัฐวิสคอนซินอีกเช่นกัน ใช้เวลานับผลโหวตแล้วเสร็จในช่วงเช้าวันที่ 6 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ หรือช่วงเย็นวันที่ 6 พ.ย.ของไทย
...
ทั้งนี้ ยังมีข้อครหาอีกว่า การเลือกตั้งในครั้งนี้ มีการทุจริตหรือไม่ โดยมีภาพที่ถูกเผยแพร่บนโซเชียล มีเดีย เผยให้เห็นบัตรลงคะแนนเสียงเลือกตั้งในรัฐเคนตักกี มีร่องรอยหมึกจากปากกาทำสัญลักษณ์ไว้ที่ช่องสี่เหลี่ยมหน้าชื่อของนางแฮร์ริส หากมีการกากบาท ลงไปในหน้าชื่อของผู้สมัครคนอื่นอาจถูกปัดให้เป็นบัตรเสีย ต่อมา ทางการรัฐเคนตักกีระบุว่า ที่ผ่านมา มีการส่งบัตรลงคะแนนเสียงกว่า 130,000 ฉบับ และไม่เคยได้รับแจ้งว่าบัตรเลือกตั้งมีตำหนิ เท่าที่เห็นมี เพียง 1 ฉบับ คือ ฉบับที่ถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย อย่างไรก็ตาม หากพบว่าในบัตรเลือกตั้งมีร่องรอยบริเวณชื่อของผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้นำมากกว่า 1 จุด ให้ผู้ลงคะแนนเสียงวงกลมชื่อของผู้สมัครด้วยเป็นการยืนยันว่าต้องการเลือกใครและบัตรเลือกตั้งนั้นจะถูกนับว่าเป็นบัตรดี ไม่ใช่บัตรเสีย
สำหรับประเด็นการทุจริตเลือกตั้งยังเคยถูกหยิบยกขึ้นมาพูดโดยนายทรัมป์เช่นกัน หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สของสหรัฐฯระบุว่า นายทรัมป์อ้างบนเวทีหาเสียงที่เมืองอัลเลนทาวน์ รัฐเพนซิลเวเนียว่า เจ้าหน้าที่ในแลนแคสเตอร์เคาน์ตี รัฐเพนซิลเวเนีย พบว่า มีบัตรลงคะแนนเสียง 2,600 เสียง ถูกโหวตโดย คนคนเดียวกัน แต่ไม่มีการเผยหลักฐานแต่อย่างใด ขณะที่ สำนักข่าวการ์เดียนของอังกฤษระบุว่า ทางการแลนแคส เตอร์เคาน์ตีเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจพบเอกสารการทุจริต การเลือกตั้งบางส่วน ไม่เผยรายละเอียดเพิ่มเติม
ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีของฝรั่งเศส รายงานบรรยากาศก่อนการเลือกตั้งว่า ทางการรัฐโอเรกอน รัฐวอชิงตันและรัฐเนวาดา จัดเตรียมกองกำลังพิทักษ์มาตุภูมิ หน่วยติดอาวุธพิเศษและสำนักงานสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) พร้อมรับมือสถานการณ์ต่างๆที่อาจเกิดขึ้น ในบริเวณหน่วยเลือกตั้งเกือบ 100,000 แห่ง นอกจากนี้ ยังมีการติดตั้งปุ่มฉุกเฉินกว่า 1,000 ชิ้น ในหน่วยเลือกตั้ง และเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานเลือกตั้งสำหรับแจ้งเหตุ รวมถึง มีการเฝ้าระวังการโจมตีทางไซเบอร์ โดยเฉพาะจาก ต่างประเทศเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ ผู้ท้าชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังหาเสียงทิ้งท้ายในรัฐสวิงสเตท ที่เป็นหัวคะแนนสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ นางคามาลา แฮร์ริส ปิดฉากการเดินสายรณรงค์หาเสียงทั่วประเทศที่ดำเนินมากว่า 107 วัน ที่รัฐเพนซิลเวเนีย เน้นย้ำว่าจะฟังเสียงประชาชน ทุกคน ไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่เห็นด้วยกับตัวเอง รวมถึง ยึดมั่นในหลักการประชาธิปไตย ขณะเดียวกัน มีกลุ่ม นักร้องและนักแสดงชาวอเมริกันที่ออกมาเชิญชวนให้ ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งและส่งเสียงสนับสนุนนางแฮร์ริส อาทิ มาดอนน่า เลดี้ กาก้า และบิลลี ไอลิช ทีมรณรงค์ หาเสียงของนางแฮร์ริสระบุด้วยว่า วันที่ 5 พ.ย. นางแฮร์ริส จะให้สัมภาษณ์ผ่านทางวิทยุที่รัฐวอชิงตัน
ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ หาเสียงรอบสุดท้ายที่รัฐมิชิแกน ใช้เวลากล่าวสุนทรพจน์กว่า 2 ชั่วโมงนายทรัมป์ยังคงให้คำมั่นว่าจะจัดการผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายและเศรษฐกิจ รวมถึงระบุว่าจะแก้ไขปัญหาทุกๆเรื่องที่สหรัฐฯกำลังเผชิญอยู่ เชื่อว่าตัวเองจะชนะในรัฐมิชิแกน อีกทั้งเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเพื่อขับไล่นางแฮร์ริสและช่วยเหลือประเทศจะหยุดปัญหาเงินเฟ้อและภาษีต่างๆ ปรับราคา สินค้า เพิ่มค่าแรงและนำโรงงานนับพันแห่งกลับมายังอเมริกา รวมถึงในรัฐมิชิแกนและมีมาตรการจัดการเกี่ยวกับเรื่องอัตราภาษีเช่นกัน
วันเดียวกัน สำนักข่าวต่างประเทศหลายสำนัก อาทิ ฟ็อกซ์นิวส์ของสหรัฐฯ เอเอฟพีของฝรั่งเศส แชแนล นิวส์ เอเชียของสิงคโปร์ รายงานว่า “น้องหมูเด้ง” ฮิปโปแคระชื่อดังของไทย พร้อมด้วย “โจน่า” แม่ของหมูเด้ง ได้ร่วมทำนายผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำนักข่าวหลายแห่งพากันเผยแพร่คลิปวิดีโอ จากแอ็กเคาต์ติ๊กต่อกของสวนสัตว์เปิดเขาเขียวเป็นภาพหมูเด้งเลือกกินกระทงที่ทำจากฟักทอง มีเปลือกแตงโมแกะสลักชื่อผู้เข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีทั้ง 2 คนวางบนกระทง ผลปรากฏว่าหมูเด้งเลือกกินกระทงที่สลักชื่อโดนัลด์ ทรัมป์ ทำนายว่าผู้ที่จะได้ครองเก้าอี้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปคือทรัมป์ ขณะที่โจน่าตัวแม่เลือกกินกระทง “แฮร์ริส” ทั้งนี้ สวนสัตว์เปิดเขาเขียวยังระบุผ่านโซเชียลมีเดียเอ็กซ์ด้วยว่า สาเหตุที่หมูเด้งเลือกกระทง “ทรัมป์” เพราะในกระทงมีแก้วมังกรชิ้นใหญ่กว่า
...
อ่าน "คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ" ทั้งหมดที่นี่