ทั้งโลกกำลังจับตาศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่การเลือกตั้งสมาชิกสภาคองเกรสในวันเดียวกัน ก็มีความสำคัญและจะเป็นตัวตัดสินว่า ผู้นำคนใหม่จะได้รัฐบาลแบบไหน

ในขณะที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมาถึงในวันที่ 5 พ.ย. 2567 นี้ กำลังดึงดูดความสนใจของคนทั้งโลก ในวันเดียวกันยังมีการเลือกตั้งที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ศึกชิงเก้าอี้สมาชิกสภาคองเกรส ซึ่งจะเป็นตัวตัดสินว่า ประธานาธิบดีคนต่อไป จะได้รัฐบาลที่เป็นเอกภาพ และทำตามนโยบายของเขาหรือเธอ หรือเผชิญภาวะชะงักงันทางการเมือง

สภาคองเกรสประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร มีสมาชิก 435 คน กับวุฒิสภา มีสมาชิก 100 คน โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีการชิงเก้าอี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรครบทุกตำแหน่ง ส่วนวุฒิสมาชิกจะชิงกัน 34 ตำแหน่ง

ทั้งสองสภามีหน้าที่บัญญัติกฎหมาย และตรวจสอบรัฐบาล นอกจากนั้นยังมีความสำคัญมาต่อกิจการต่างๆ ของโลก เนื่องจากเป็นสถาบันที่กำหนดงบประมาณกองทัพและอื่นๆ, กำกับดูแลการค้าและการตั้งกำแพงภาษี รวมถึง จัดแจงการมอบความช่วยเหลือแก่ต่างประเทศ

การชิงตำแหน่งในสภาคองเกรสครั้งนี้ถูกยกให้สูสีที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในช่วงสัปดาห์สุดท้ายก่อนที่วันเลือกตั้งจะมาถึง โดยใครจะได้ควบคุมสภาผู้แทนราษฎรต้องไปวัดกันหน้างาน ขณะที่วุฒิสภาคาดว่าจะมีการเปลี่ยนฝั่งไปเป็นของรีพับลิกัน เนื่องจากความได้เปรียบในจุดที่มีการเลือกตั้ง แต่ส่วนต่างจะน้อยมาก

ปัจจุบัน พรรครีพับลิกันมี สว.ในมือน้อยกว่าเดโมแครตแค่ 1 คน แต่การเลือกตั้งครั้งนี้พวกเขาจะได้ป้องกันตำแหน่งที่มีอยู่ถึง 2 ใน 3 โดย 3 รัฐที่มีการชิงชัยกันเป็นรัฐที่โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะถึง 2 ครั้ง และอีก 5 รัฐเป็นสวิงสเตท ที่ผู้โหวตพร้อมจะเลือกฝ่ายที่พวกเขาพอใจ ไม่ยึดติดกับพรรคใดพรรคหนึ่ง

...

นอกจากนั้น เดโมแครตยังเริ่มคืนเลือกตั้งโดยมี สว.ติดลบ 1 คน เพราะ สว.โจม แมนชิน เกษียณอายุ และตอนนี้รัฐเวอร์จิเนียที่นายแมนชินเป็นตัวแทน ยังมีท่าทีสนับสนุนนายทรัมป์อย่างมาก รีพับลิกันยังเล็งคว่าชัยที่รัฐมอนทานา และโอไฮโอ ซึ่งค่อนข้างเอนเอียงไปฝ่ายขวาด้วย

ส่วนเดโมแครตหวังชดเชยความเสียหายด้วยการคว้าชัยที่รัฐฟลอริดา หลังคะแนนนิยมที่เคยนำอยู่ของนายริก สกอตต์ จากฝ่ายรีพับลิกัน หายไปถึง 5% หรือชิงเก้าอี้ของนาย เทด ครูซ สว.รัฐเท็กซัส ที่คะแนนนำฝ่ายเดโมแครตราว 4% และทำให้รัฐเท็กซัสเสี่ยงหลุดมือจากรีพับลิกันมากที่สุดในรอบเกือบ 30 ปี

คอร์รีน ฟรีแมน จาก “Future Coalition” องค์กรสนับสนุนกิจกรรมเยาวชนทั่วสหรัฐฯ คาดว่า รีพับลิกันจะพลิกกลับมาครองวุฒิสภา ส่วนสภาผู้แทนฯ จะมีคะแนนสูสีกันมาก แต่ก็มีโอกาสที่เดโมแครตจะได้ครองทั้งสภาคองเกรสและครองรัฐบาล

ทั้งนี้ การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นเครื่องชี้วัดความรู้สึกของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลได้ดีกว่าสมาชิกวุฒิสภา เนื่องจากสหรัฐฯ เลือกตั้ง สส.ทุก 2 ปี แต่เลือก สว.ทุก 6 ปี

ในการเลือกตั้งครั้งนี้ เดโมแครตเอาชนะรีพับลิกันในด้านการระดมทุน และมีโอกาสมาพอที่จะพลิกกลับมาเป็นผู้ครองเสียงข้างมาก โดยตอนนี้เดโมแครตมี สส.อยู่ 212 คน รีพับลิกันมี 220 คน ว่างอยู่ 3 ตำแหน่ง พวกเขายังเชิดชูผลงานที่ผ่านมาของรัฐบาล และโจมตีรัฐสภาสมัยนายทรัมป์ ว่าเป็นสภาที่ทำหน้าที่ไม่ได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ 235 ปี

นายคีธ แกดดี ศาสตราจารย์วิชารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัย เท็กซัส คริสเตียน กล่าวว่า การควบคุมสภาผู้แทนราษฎรอยู่ใกล้แค่เอื้อมสำหรับเดโมแครต แต่เขาไม่กล้าเดิมพันว่าเดโมแครตจะทำได้หรือไม่ เพราะในความเป็นจริง ทุกอย่างสามารถเกิดขึ้นได้ รวมถึงการต่อสู้คดีในชั้นศาล ที่มักเป็นตัวตัดสินชี้ขาดในการเลือกตั้งสมัยนี้

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cna