(ภาพจาก : xinhua)
หญิงชาวจีนวัย 61 ปี ถูกศาลตัดสินประหารชีวิตอีกรอบ แม้จะไต่สวนใหม่ หลังเธอก่อเหตุลักพาตัวเด็กถึง 17 คน และลอบพาข้ามมณฑลไปขายตามที่ต่างๆ เมื่อ 20-30 ปีก่อน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เรื่องราวของนางหยู หัวอิง (Yu Huaying) กลายเป็นที่สนใจของสังคมไปทั่วประเทศจีน หลังจากการกระทำผิดของเธอถูกเปิดเผยในปี 2565 เมื่อเหยื่อคนหนึ่งของเธอ ซึ่งมีอายุ 34 ปีแล้ว ออกมาเปิดเผยประสบการสุดโหดร้ายของตัวเองในตอนที่ถูกนางหยูลักพาตัว
นางหยูเคยถูกศาลตัดสินประหารชีวิตไปแล้วในการพิจารณาคดีเมื่อปี 2566 แต่มีการขอให้พิจารณาคดีใหม่ ซึ่งศาลก็มีคำตัดสินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ต.ค.) ให้นางหยูรับโทษประหารชีวิตอีกครั้ง ในข้อหาลักพาตัวเด็ก 17 คน ระหว่างปี 2536 ถึง 2546
ตามปกติแล้ว ในประเทศจีน โทษประหารชีวิตจะเป็นบทลงโทษสูงสุดสำหรับผู้ที่ก่ออาชญากรรมร้ายแรงมากเช่น ลักลอบขนยาเสพติด, ฆาตกรรม และข่มขืน ขณะที่การคอร์รัปชันกับรับสินบนของนักการเมือง บางครั้งก็นำไปสู่โทษประหารชีวิตได้เช่นกัน ส่วนผู้ทำผิดข้อหาค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะผู้หญิงหรือเด็ก จะต้องรับโทษจำคุก 5-10 ปี และปรับเงินจำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม คำพิพากษาของศาลประชาชนกลาง เมืองกุ้ยหยาง ซึ่งเผยแพร่ผ่านเว่ยป๋อ ระบุว่า สถานการณ์และผลที่ตามมาจากอาชญากรรมของนางหยูนั้น ร้ายแรงอย่างยิ่งยวด และเธอสมควรถูกลงโทษอย่างหนัก แม้ว่าเธอจะยอมรับสารภาพ แต่ก็ไม่เพียงพอทำให้โทษของเธอเบาลง
นอกจากนั้น นางหยูยังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองทั้งหมด และทรัพย์สินส่วนบุคคลของเธอจะถูกยึด
ทั้งนี้ ตามรายงานสื่อในประเทศจีน เหยื่อคนแรงของนางหยูคือลูกชายของเธอเอง โดยเธอลักลอบพาเขาเดินทางข้ามมณฑลต่างๆ ก่อนจะขายเขาไปในราคา 5,000 หยวน จากนั้นเธอก็ไปลักพาตัวเด็กอีก 17 คน จาก 12 ครอบครัว หมายความว่า มีถึง 5 ครอบครัวที่สูญเสียลูกถึง 2 คนในคราวเดียว
...
เอกสารของศาลชี้ว่า นางหยูร่วมมือกับชายอีก 2 คนคือนาย หวิง เจี๋ยเหวิน และนาย กง เซียนเหลียง ระหว่างปี 2536-2546 แต่ทั้งคู่เสียชีวิตไปแล้ว
“การกระทำของเธอส่งผลให้ 12 ครอบครัวต้องแยกจากกับลูก และทำให้ความสัมพันธ์ครอบครัวพังทลาย” ศาลระบุ และเสริมว่า มีหลายครอบครัวที่พยายามตามหาลูกๆ ที่หายไปมานานหลายปี บางรายถึงกับเสียชีวิตเพราะภาวะซึมเศร้า
หนึ่งในเหยื่อของนางหยูที่ออกมาเปิดเผยตัวคือ น.ส.หยาง หนิวหัว โดยเธอระบุว่า เธอถูกนางหยูลักพาตัวไป และถูกขายแลกเงิน 2,500 หยวนในปี 2538
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cna