ใกล้ถึง 5 พฤศจิกายน 2024 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คะแนนของทรัมป์ขยับขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มพูดถึงผลงานในอดีตของทรัมป์ ยุคที่ทรัมป์เป็นประธานาธิบดี แกเข็นพระราชบัญญัติปฏิรูปภาษีหรือ Tax cuts and Jobs act 2017 จนผ่านสภาคองเกรส ทรัมป์ลงนามและทำให้มีผลบังคับใช้ใน ค.ศ.2018
แต่ก่อนง่อนชะไร ภาษีเงินได้นิติบุคคลในสหรัฐฯเก็บกันอยู่ที่ร้อยละ 35 พอทรัมป์ลงนาม พ.ร.บ.ปฏิรูปภาษี คนทำธุรกิจในสหรัฐฯก็เฮฮา เพราะภาษีเงินได้นิติบุคคลลดเหลือแค่ร้อยละ 21 ทรัมป์ประกาศแล้วว่า ถ้าได้เป็นประธานาธิบดีอีกรอบ แกจะลดภาษีนิติบุคคลให้เหลือร้อยละ 15
สมัยก่อนตอนทรัมป์ยังไม่ได้เป็นประธานาธิบดี พวกนักธุรกิจเสียภาษีนิติบุคคลสูงถึงร้อยละ 35 ถ้าทรัมป์ชนะครั้งนี้ ก็จะเสียกันเพียงร้อยละ 15 นั่นหมายความว่าลดไปถึงร้อยละ 20 ในขณะที่นางแฮร์ริสประกาศว่า อ้า ถ้าหนูได้เป็นผู้นำ หนูจะขึ้นอัตราภาษีเงินได้นิติบุคคลให้สูงถึงร้อยละ 28 ผู้อ่านท่านลองจินตนาการดูเถิดครับว่า ถ้าเราทำธุรกิจในสหรัฐฯเราจะเลือกใครเป็นประธานาธิบดี
นอกจากนั้น ทรัมป์ยังบอกว่าจะไม่เก็บภาษีจากพวกที่รับเงิน จากกองทุนบำเหน็จบำนาญ โอย ผู้อ่านท่านเอ๋ย คนชั้นล่างที่รับเงินจากกองทุนบำเหน็จบำนาญได้ยินนโยบายนี้ของทรัมป์ต่างก็ยิ้มกันจนปากฉีกถึงใบหู ต้องผลัดกันเอาปากลงจากหู ท่านลองนึกดูก็แล้วกัน พวกนักธุรกิจก็ชอบ ชนชั้นล่างก็ชอบ คะแนนของทรัมป์จึงดีวันดีคืน
ทรัมป์ไม่เชื่อเรื่องโลกร้อน ถึงขนาดเคยให้สหรัฐฯถอนตัว ออกจากข้อตกลงปารีสมาแล้ว ซึ่งข้อตกลงนี้มุ่งให้ประเทศภาคีป้องกันภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศการพาสหรัฐฯออกจากการเป็นภาคี Paris Agreement ของทรัมป์สร้างความตะลึงพรึงเพริดให้กับคนทั้งโลกมาแล้ว
ผู้คนในรัฐที่มีอุตสาหกรรมน้ำมันอย่างเท็กซัสหรือแม้แต่รัฐเพนซิลเวเนีย ต่างก็มีความหวังว่า ถ้าทรัมป์ได้เป็นประธานาธิบดี พวกตนก็จะทำงานสบายง่ายขึ้น ไม่ต้องไปยุ่งยากมากมายเรื่องสิ่งแวดล้อม ความเชื่อของทรัมป์ในเรื่องโลกร้อนตรงกันข้ามกับพวกเด็มโมแครตอย่างฟ้ากับเหว ใครฟังการปราศรัยหาเสียงของนางแฮร์ริส คำหนึ่งก็โลกร้อน อีกประโยคหนึ่งก็โลกร้อน สร้างความหวาดผวานาล่มงมหอยให้กับพวกอุตสาหกรรมน้ำมันเป็นอย่างมาก
...
ปัจจุบันทุกวันนี้ ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯอยู่ที่ร้อยละ 3 ทรัมป์ ตะโกนก้องร้องประกาศในเวทีรณรงค์หาเสียงว่า อ้า ถ้าผมได้ เป็นประธานาธิบดี ผมจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากทุกประเทศร้อยละ 10-20 สำหรับจีนซึ่งเป็นภัยคุกคามสำคัญทั้งทางด้านเศรษฐกิจและการเมือง ผมจะขึ้นภาษีสินค้าจีนไปสูงถึงร้อยละ 60
ผู้ส่งออกชาวไทยที่ส่งสินค้าไปสหรัฐฯ ก็คงจะใจตุ้มๆต่อมๆ แล้วก็คงจะกำลังนั่งสวดมนต์เพื่อขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดลบันดาลให้ทรัมป์แพ้เลือกตั้ง เพราะถ้าต้องเสียภาษีสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้นร้อยละ 10-20 สินค้าไทยก็คงจะมีราคาแพงเว่อร์วังอลังการ ในตลาดสหรัฐฯ และคงจะแข่งขันกับสินค้าที่ผลิตภายในประเทศ เมื่อภาษีทำให้สินค้าแพงขึ้น คนอเมริกันก็อาจจะไม่ซื้อสินค้าไทย
คนที่ถือหางรัสเซียและอูเครนในสงครามยุโรปตะวันออกก็คงอยากจะได้ผู้นำคนใหม่ของสหรัฐฯต่างกัน พวกที่ชูจักกะแร้ เชียร์อูเครนก็คงอยากได้แฮร์ริสจากเด็มโมแครต พรรคเดียวกับไบเดนผู้เริ่มสงคราม พรรคเด็มโมแครตช่วยอูเครนอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
พวกที่ถือหางรัสเซียก็จะเชียร์ทรัมป์ ถ้าทรัมป์ขึ้นมา แกก็คงจะลดความช่วยเหลืออูเครนลง ทำให้เซเลนสกีหน้าแห้งขนาดต้องมีคณะเลขาฯคอยใช้น้ำพรมหน้าอยู่ตลอดเวลา
ทีมงานของพรรคเด็มโมแครตซึ่งเป็นต้นสังกัดของแฮร์ริส กำลังทำงานหนัก อีก 12 วันก็จะถึงวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯแล้ว ถ้าเด็มโมแครตยังหาไม้เด็ดมาสู้กับทรัมป์ไม่ได้ ผู้นำสหรัฐฯคนใหม่ก็จะเป็นแมวเก้าชีวิตที่มีชื่อว่า ‘โดนัลด์ ทรัมป์’.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม