โลกกำลังตื่นตระหนกเรื่อง เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI จะมาแย่งงานทำ และไม่เชื่อว่า AI จะเชื่อฟังคำสั่งมนุษย์ วันดีคืนดีอาจลุกขึ้นมาเป็นกบฏกับเจ้านายตัวเองเหมือนในหนังไซไฟหลายเรื่อง คำถามก็คือถ้ากลัว AI จะเป็นภัยคุกคามมนุษย์ แล้วมนุษย์สร้าง AI ขึ้นมาทำไม

ภายในอนาคตอันใกล้ เราจะได้เห็น AI ดิสรัปโลกใบนี้ แน่ๆ เหมือนตอนที่เกิดอินเตอร์เน็ต และสมาร์ทโฟน แต่สุดท้ายมนุษย์ก็จะปรับตัวได้ และรู้จักใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมใหม่ เพื่อสนองตัณหาของตัวเอง เหมือนประวัติศาสตร์ที่แล้วๆมา

ในหนังสือขึ้นหิ้งอย่าง “21 บทเรียนสำหรับศตวรรษที่ 21” ของ “ยูวัล โนอาห์ แฮรารี” บอกข่าวดีเกี่ยวกับ AI ว่าอย่างน้อยในไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า เราไม่จำเป็นต้องเผชิญกับฝันร้ายที่ AI เกิดจะมี “จิตสำนึก” ลุกขึ้นมาปฏิวัติมนุษย์เพื่อปลดแอกตัวเองจากการเป็นทาส และเข้ายึดครองโลกแทนมนุษย์

แม้ทุกวันนี้มนุษย์เราจะพึ่งพาอัลกอริทึมในการประมวลผลเพื่อตัดสินใจ มากขึ้นเรื่อยๆ แต่การที่อัลกอริทึมจะเกิดมีจิตสำนึกรักโลภโกรธหลงขึ้นมา...ไม่น่าจะเป็นไปได้!!

นิยายวิทยาศาสตร์จำนวนมากมีแนวโน้มจะสับสนระหว่าง “เชาวน์ปัญญา” (Intelligence) กับ “จิตสำนึก” (consciousness) และมักเชื่อว่าการที่จะเทียบชั้น หรือเหนือกว่าเชาวน์ปัญญาของมนุษย์ได้นั้น AI จำเป็นต้องพัฒนาจนเกิดจิตสำนึก

“ยูวัล” ชี้ว่าในโลกแห่งความเป็นจริงไม่มีเหตุผลใดเลยที่จะตั้งสมมติฐานว่า ปัญญาประดิษฐ์จะเกิดจิตสำนึกขึ้นได้ เพราะเชาวน์ปัญญาและจิตสำนึกเป็นสิ่งที่แตกต่างกันมาก “เชาวน์ ปัญญา” คือความสามารถในการแก้โจทย์ปัญหา ส่วน “จิตสำนึก” คือความสามารถที่จะเกิดความรู้สึกต่างๆ เช่น รัก, โลภ, โกรธ และหลง จะมีก็แต่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งรวมถึงมนุษย์ ที่เชาวน์ปัญญาเกิดขึ้นควบคู่ไปกับจิตสำนึก จึงแก้ปัญหาต่างๆด้วยความรู้สึกผสมกับปัญญา

...

ตรงข้ามกับอัลกอริทึม ไม่จำเป็นต้องรู้สึกรัก, โลภ, โกรธ, หลง, สนุกสนาน หรือหวาดกลัว ทำให้สามารถแก้ปัญหาได้ดีกว่ามนุษย์ เพราะใช้เชาวน์ปัญญาที่ฉลาดล้ำล้วนๆในการตัดสินใจ โดยไม่ต้องมีจิตสำนึกมากวนใจให้วอกแวก

ถ้าเรายังลงทุนพัฒนา AI มากเกินไป แต่หลงลืมที่จะพัฒนาจิตสำนึกของมนุษย์ สุดท้ายปัญญาประดิษฐ์ก็อาจทำหน้าที่เป็นแค่เครื่องมือรับใช้อำนาจโง่เง่าตามธรรมชาติของมนุษย์

AI จะน่ากลัวที่สุดก็ต่อเมื่อพัฒนาไปถึงขั้นอ่านใจมนุษย์ได้ทะลุทะลวง สามารถจำแนกความกลัว, ความอยาก, ความเกลียดที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจมนุษย์แต่ละคน และใช้ประโยชน์จากอำนาจการหยั่งรู้จิตใจกำราบมนุษย์จนอยู่หมัด ถ้าพัฒนามาแนวนี้ สุดท้าย AI ก็จะกลายเป็นเครื่องมือร้ายในการครองโลกของมนุษย์บนยอดพีระมิด

ด้านมืดของ AI ยังมีอีกสารพัด เช่น “AI หัวก้าวหน้า” อาจถูกพัฒนาไปไกลถึงขั้นตื่นรู้และพัฒนาตัวเองได้ โดยไม่ต้องผ่านการควบคุมของมนุษย์ หรือ “AI หัวอ่อน” ที่ถูกเทรนตามข้อมูลจากมนุษย์ อาจเต็มไปด้วยอคติและการเลือกปฏิบัติ ซ้ำร้ายสุดคือความเป็นไปได้ที่ “AI หัวรุนแรง” จะถูกนำไปใช้เป็นอาวุธของมนุษย์ หรือทำเรื่องผิดกฎหมายที่อยู่เหนือการควบคุม...ทุกอย่างขึ้นกับจิตสำนึกของมนุษย์ว่าจะสูงขึ้น หรือต่ำลง โปรดอย่าโยนบาปให้ AI.

มิสแซฟไฟร์

คลิกอ่านคอลัมน์ “คนดังอะราวนด์เดอะเวิลด์” เพิ่มเติม