เมื่อก่อนการก่อการร้ายในรัสเซียเกิดขึ้นบ่อย แต่เดี๋ยวนี้เบาบางลงไป หลายคนถามว่า รัสเซียใช้วิธีปราบปรามผู้ก่อการร้ายอย่างไร ขอเรียนว่า ส่วนใหญ่ฆ่าทิ้ง ไม่มีการจับส่งตำรวจหรือขึ้นศาล ยกเว้นบางคนที่ยังต้องเก็บชีวิตไว้ เพื่อจะเอาไปเค้นหาความจริง

อังคารเมื่อวาน ผมรับใช้ถึงเรื่องในอดีตที่เกิดขึ้นระหว่าง 1-3 กันยายน 2004 ซึ่งมีการบุกจับตัวประกันในโรงเรียนประถมศึกษาเบสลาน สาธารณรัฐนอร์ท ออสเซเทีย อลาเนีย พวกก่อการร้ายมุสลิมจับนักเรียน ครู และผู้ปกครอง 1,200 คนเป็นตัวประกัน

หน่วยพิเศษของรัสเซียลุยเข้าไปทำให้มีผู้บริสุทธิ์เสียชีวิต 385 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กนักเรียน 186 คน บาดเจ็บสาหัส 700 กว่าคน เด็กบางกลุ่มได้รับบาดเจ็บจากการถูกไฟไหม้ ถูกยิง ถูกสะเก็ดระเบิด หลังจากเวลาผ่านไป 1 เดือน เด็กที่เข้าโรงพยาบาลต้องตัดแขนขาและถูกควักดวงตาออก กลายเป็นผู้พิการ 160 คน นายพลบาซาเยฟ (ที่เคยประกาศลาออก จากทุกตำแหน่ง) ออกแถลงการณ์แสดงความรับผิดชอบ

แต่พวกก่อการร้ายในรัสเซียก็ไม่เข็ดหลาบสาบจำ ปีต่อมาก็บุกยึดที่ทำการรัฐบาลและจับตัวประกันที่เมืองนาลชิค สาธารณรัฐคาบาร์ติโน บัลกาเรีย คนที่สั่งก็คนเดิมคือนายพลบาซาเยฟ ปูตินก็ให้หน่วยพิเศษลุย ทำให้คนตายไป 142 คน พวกผู้ก่อการร้ายมุสลิมตะโกนบอกถึงสาเหตุที่ต้องบุกยึดเมืองนาลชิคว่า เพื่อตอบโต้การคุกคามการปฏิบัติศาสนกิจในศาสนาอิสลามโดยรัฐบาลรัสเซีย และตอบโต้ความพยายามในการปิดมัสยิดหลายแห่ง

ยังมีอีกหลายครั้งครับ เช่น ผู้ก่อการร้ายมุสลิม 3 คนจี้เครื่องบินสายการบินวนูโคโวแอร์ไลน์ สัญชาติรัสเซีย ในเครื่องมีผู้โดยสารเต็มลำ 174 คน ให้บินจากตุรกีไปยังสนามบินมาดินะในซาอุดีอาระเบีย ต่อมาโดนหน่วยปฏิบัติการพิเศษของซาอุดีอาระเบียบุกเข้าไปช่วยเหลือตัวประกัน มีผู้เสียชีวิต 3 ราย

...

อีกครั้งหนึ่งมีการจับตัวประกันมากกว่า 200 คนในโรงแรมนครอิสตันบูล ตุรกี โดยกลุ่มมือปืนชาวตุรกีที่สนับสนุนกลุ่มกองกำลังแบ่งแยกดินแดนมุสลิมเชเชน เพื่อประท้วงรัสเซีย การเจรจาครั้งนี้ได้ผล กลุ่มมือปืนตุรกียอมมอบตัว และปล่อยตัวประกันทั้งหมด

รัฐบาลรัสเซียที่นำโดยประธานาธิบดีปูตินแก้ไขปัญหาการก่อการร้ายด้วยวิธีการ 2 อย่างพร้อมกัน วิธีการแรกใช้ความรุนแรง ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ตายทั้งตัวประกัน ทั้งผู้ก่อการร้าย ทั้งประชาชนคนบริสุทธิ์ โดยไม่มีการเจรจาต่อรองให้เหม็นขี้ฟัน คนไหนตายก็ตายไป วิธีการที่สอง นำพวกผู้ก่อการร้ายมากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู และสนับสนุนให้มีอำนาจ

ผู้อ่านท่านยังจำนายอัคมัด คาดีรอฟ อดีตประธานาธิบดีของสาธารณรัฐเชชเนียได้ไหมครับ แกก็โดนลอบฆ่าเมื่อ ค.ศ.2004 รัฐบาลปูตินก็ไปเอาลูกชายของแกที่เป็นอดีตสมาชิกกองกำลังแบ่งแยกดินแดนเชชเนียที่มีชื่อว่านายรามซาน คาดีรอฟ มากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงดู และสนับสนุนให้ลงเลือกตั้งจนชนะได้เป็นประธานาธิบดีต่อจากพ่อ

พวกกองกำลังแบ่งแยกดินแดนเสียขวัญจากเรื่องนี้มาก จึงไปสนับสนุนนายดอคคา อูมารอฟ ที่ประกาศเป้าหมายชัดเจนว่าต้องการทำญิฮัด ทำสงครามกับรัสเซียเพื่อปลดปล่อยสาธารณรัฐเชชเนียให้เป็นรัฐอิสระ และจัดตั้งเป็นรัฐอิสลาม

ความพูดน้อยต่อยหนักของปูตินทำให้อดีตผู้ก่อการร้ายมุสลิมเชเชนแขยงแขงขน กล้าๆ กลัวๆ กลัวๆ กล้าๆ 20 สิงหาคม 2024 ปูตินไปเยือนสาธารณรัฐเชเชน ผู้นำเชเชนคนปัจจุบันเดินตามหลังปูตินต้อยๆ พาปูตินไปดูความพร้อมของกองทัพและอาสาสมัครนักรบมุสลิมเชเชนไปสู้กับกองทัพอูเครน

ปูตินไปพูดที่มหาวิทยาลัยกองกำลังพิเศษรัสเซียที่ตั้งอยู่ในเชชเนียว่า ตราบใดที่รัสเซียมีผู้ชายแบบพวกคุณ เราจะแข็งแกร่งจนไม่มีใครเอาชนะเราได้ ผู้นำเชเชนกล่าวกับปูตินว่า เราส่งทหารจากเชชเนียไปช่วยรัสเซียรบกับอูเครนแล้ว 47,000 นาย และมีอาสาสมัครชาวเชเชนขอไปร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับทหารรัสเซียมากถึง 19,000 คน

จากผู้ก่อการร้ายดันกลายเป็นพวกปูตินไปซะทั้งกองกำลัง

นี่คือวิธีการแก้ไขปัญหาของปูติน.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com 

คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม