“ผู้ถือพาสปอร์ตฝรั่งเศสหรือชาติสหภาพยุโรปอื่นๆ ตามผมมาทางนี้” คือสิ่งแรกได้ยินทันทีระหว่างต่อแถวเดินออกจากเครื่องที่สนามบินชาร์ล เดอ โกล ณ กรุงปารีส ซึ่งหลังจากคนเหล่านั้นเดินตามเจ้าหน้าที่ไปหมดแล้ว เราที่เหลืออยู่ก็ยืนต่อแถวกันไปพักใหญ่ เนื่องจากเช้าวันนั้นด่านตรวจคนเข้าเมืองเปิดเพียง 5 ช่อง

เรียกได้ว่าเป็นความประทับใจสิ่งแรกในเมืองฝรั่งเศส นั่นคือลงเครื่องมาเจอ ตม.เลย ไม่ต้องเดินลัดเลาะขึ้นลงบันไดเลี้ยวซ้ายขวาไปเหมือนกับสนามบินอื่นๆ ขณะที่คนขับรถมารอรับ ก็โทร.ตามหาตัวมองซิเออร์อยู่ไหนแล้ว เนื่องจากตอนนั้นกว่าจะหลุดมาได้ก็ใช้เวลาไปเกินกว่า 1 ชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่ากรุงปารีสยังคงเป็นท็อปเดสติเนชัน เมืองท่องเที่ยวหลักของโลก ประกอบกับความสำเร็จในการเป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ทำให้ผู้คนจากนานาประเทศมีความเชื่อมั่นว่าระบบต่างๆในเมืองน่าจะได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นมาก ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เต็มไปด้วยข่าวเชิงลบ โดยเฉพาะเรื่องผู้อพยพเข้าเมืองที่สร้างปัญหาไปทั่วยุโรป

การเดินทางเยือนฝรั่งเศสครั้งนี้ ถือเป็นการจากประเทศไทยที่ยาวนานพอตัว เนื่องจากกินเวลาทั้งหมด 10 วันเต็ม โดยมาในฐานะผู้สังเกตการณ์การประชุมสุดยอดผู้นำชาติใช้ภาษาฝรั่งเศส “ฟรังโคโฟนี ซัมมิต” ประจำปี 2567 ร่วมกับผู้สื่อข่าวนานาชาติจาก สปป.ลาว กัมพูชา เวียดนาม วานูอาตู (อาเซียน-หมู่เกาะแปซิฟิก) และกลุ่มที่ใช้ภาษาฝรั่งเศสจ๋าๆอย่างเบนิน แอลจีเรีย ตูนิเซีย และโมร็อกโก (ภูมิภาคแอฟริกา)

ซึ่งทีแรกก็มีความกังวลเล็กน้อย เนื่องจากชัดเจนว่าไทยถือเป็นตัวแถม เนื่องด้วยไม่เคยอยู่ในสังกัดอิทธิพลบ้านเขา แต่ปรากฏว่าโล่งอกไปเปราะที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษ ได้อย่างสนุกสนานกับเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศส และนักข่าวโซนเอเชีย ซึ่งมีพูดฝรั่งเศสได้ 2 คน คือวานูอาตูกับ สปป.ลาว นักข่าวกัมพูชา เวียดนามไม่พูดแล้ว

...

ส่วนที่เหลือก็ชัดเจนว่าอย่างไร พอขึ้นรถ ไปงานวันแรกมองซิเออร์.ฌอง-อีฟ โซโย โฆษก กระทรวงฯผู้ทำหน้าที่ดูแลถามว่า ให้พูดภาษาอะไรดี ทางกลุ่มแอฟริกาก็แซวขำๆทันทีว่า นี่มางานประชุมชาติใช้ภาษาฝรั่งเศสไม่ใช่เหรอ จนสุดท้ายเจ้าตัวเลยใช้มันซะสองภาษา ซึ่งมีบางครั้งที่หลุดบ้าง ถามอังกฤษตอบเป็นฝรั่งเศส ก่อนสะบัดหน้าตั้งสติกันใหม่

เรื่องราวจากการประชุมสุดยอดเมืองน้ำหอมยังมีอีกมากมายครับ ผู้เขียนขออนุญาต รับใช้ท่านผู้อ่าน นำมาเล่าสู่กันฟังผ่านคอลัมน์ หน้าต่างโลกกันไปสักพักนะครับ.

ตุ๊ ปากเกร็ด

คลิกอ่านคอลัมน์ “หน้าต่างโลก” เพิ่มเติม