คามาลา แฮร์ริส เปิดเผยข้อมูลสุขภาพของตัวเองออกมาแล้ว โดยแพทย์ระบุว่า เธอแข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ พร้อมเป็นประธานาธิบดี ขณะที่ฝ่ายโดนัลด์ ทรัมป์ ยังนิ่ง

เมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2567 ทำเนียบขาวสหรัฐฯ เผยแพร่จดหมายสรุปประวัติทางการแพทย์ของ รองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริส ออกมาอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่า แคนดิเดทชิงตำแหน่งประธานาธิบดีผู้นี้มี “สุขภาพยอดเยี่ยม” จากการตรวจสุขภาพล่าสุดเมื่อเดือนเมษายน ซึ่งออกมาปกติทุกอย่าง

นายแพทย์ โจชัว อาร์. ซิมมอนส์ แพทย์ประจำตัวรองประธานาธิบดี ซึ่งเป็นผู้ส่งเขียนจดหมายดังกล่าว ระบุว่า น.ส.แฮร์ริสมีสภาพร่างกายและจิตใจที่จำเป็นสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ของประธานาธิบดีอย่างประสบความสำเร็จ

ดร.ซิมมอนส์ระบุว่า น.ส.แฮร์ริสในวัย 59 ปี มีปัญหาสุขภาพบ้าง เช่น สายตาสั้น ภูมิแพ้ตามช่วงฤดูกาลจากเกษรดอกไม้ และโรคลมพิษ แต่เธอจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ดี โรคภูมิแพ้กับลมพิษของเธอดีขึ้นมาก และเธอไม่เคยเกิดอาการของโรคเหล่านี้อย่างรุนแรงเลย ส่วนอาการสายตาสั้นก็แก้ไขได้ด้วยแว่นสาตา ซึ่งทำให้ค่าสายตาของเธออยู่ที่ 20/20

จดหมายเน้นดด้วยว่า ญาติฝ่ายแม่ของ น.ส.แฮร์ริส มีประวัติป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ตัวรองประธานาธิบดีไม่มีโรคดังกล่าวแต่อย่างใด

นอกจากนั้น แฮร์ริสรับวัคซีนสร้างภูมิคุ้มกัน และตรวจป้องกันตามคำแนะนำของแพทย์อยู่เสมอ ทั้งการส่องกล้องทางเดินทางอาหาร และตรวจแมมโมแกรม (ตรวจมะเร็งเต้านม) ดร.ซิมมอนส์ย้ำว่า แฮร์ริสตรวจสุขภาพเป็นประจำ และทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากๆ

ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลสุขภาพของ น.ส.แฮร์ริส ถือว่ามีนัยสำคัญมาก เนื่องจากเธอพยายามใช้เรื่องความโปรงใส่ มาต่อสู้กับนาย โดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของเธอ ก่อนที่การเลือกตั้งจะมาถึงในวันที่ 5 พ.ย.นี้

...

เรื่องข้อมูลสุขภาพของผู้สมัครยังได้รับการจับตามองอย่างมาก นับตั้งแต่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ประกาศถอนตัวจากการชิงตำแหน่งสมัยที่ 2 เมื่อ 21 ก.ค. เนื่องจากมีอาการแสดงให้เห็นหลายครั้งว่า ร่างกายของเขาอาจไม่แข็งแรงพอปฏิบัติหน้าที่ในสมัยถัดไป

ความเคลื่อนไหวล่าสุดของแฮร์ริสยังเป็นการกดดันโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีอายุ 78 ปีแล้ว ให้เผยแพร่ข้อมูลสุขภาพของตัวเองออกมา หลังเผยแพร่ล่าสุดเมื่อ 20 พ.ย. 2566 ผ่านจดหมายจาก ดร.บรูซ แอรินวาลด์ ซึ่งมีรายละเอียดไม่มาก แต่ยืนยันว่านายทรัมป์มีสุขภาพยอดเยี่ยม

นายทรัมป์พูดหลายครั้งก่อนหน้านี้ว่า เขายินดีเปิดข้อมูลสุขภาพ แต่ก็ยังไม่ทำจนถึงตอนนี้ และทีมแพทย์ของเขาก็ปิดปากเงียบมาตลอดหลังเกิดความพยายามลอบสังหารนายทรัมป์ครั้งที่ 1 จนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บที่หู เมื่อเดือนกรกฎาคม

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : time