- ดิดดี้ แรปเปอร์และผู้ทรงอิทธิพลในวงการบันเทิงของสหรัฐฯ ถูกจับกุมเมื่อ 16 ก.ย. ใน 3 ข้อหาได้แก่ ในข้อหา อั้งยี่-ซ่องโจร, ค้ามนุษย์และบังคับค้าประเวณี
- อัยการกล่าวหาดิดดี้ว่า จะปาร์ตี้เซ็กซ์หมู่มาราธอนที่เรียกว่า Freak-off โดยบังคับข่มขู่ผู้หญิงให้เข้าร่วม และมีเซ็กซ์กับผู้ชายบริการที่เขาจัดหามา
- ดิดดี้ยังถูกกล่าวหาว่าถ่ายวิดีโอเก็บเอาไว้ เพื่อใช้แบล็กเมลเหยื่อให้กลับมาร่วมงานปาร์ตี้อีก และเพื่อปิดปากไม่ให้ใครเปิดโปงเรื่องของเขา
เรื่องอื้อฉาวในวงการบันเทิงสหรัฐฯ ตอนนี้คงหนีไม่พ้นเรื่องคดีความของ ดิดดี้ หรือ ฌอน โคมส์ แรปเปอร์และนักธุรกิจใหญ่ผู้ทรงอิทธิพลทั้งในอุตสาหกรรมดนตรีและวัฒนธรรมของสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่งถูกจับกุมตัวในข้อหา อั้งยี่-ซ่องโจร, ค้ามนุษย์ และบังคับค้าประเวณี เมื่อสัปดาห์ก่อน
จนถึงตอนนี้ ดิดดี้ถูกฟ้องร้องโดยผู้เสียหายถึง 11 รายแล้ว และเรื่องราวดำมืดเกี่ยวกับตัวเขาก็ค่อยๆ ถูกเปิดเผยออกมามากขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงเรื่องปาร์ตี้เซ็กซ์มาราธอนที่เรียกว่า “Freak-off” ซึ่งแรปเปอร์หนุ่มใหญ่ถูกกล่าวหาว่า ข่มขู่บังคับให้ผู้หญิงเข้าร่วมมือเพศสัมพันธ์กับชายขายบริการที่เขาจัดหามาจากรัฐต่างๆ
ดิดดี้ยังถูกกล่าวหาว่า บันทึกวิดีโอเหตุการณ์เก็บเอาไว้ เพื่อใช้ปิดปากและแบล็กเมลเหยื่อให้กลับมาร่วมปาร์ตี้อีก จนเกิดการตั้งทฤษฎีไปต่างๆ นานาบนโลกออนไลน์ ว่าเทปลับของดิดดี้อาจทำให้ดาราคนดังเป็นร้อยต้องเข้าคุก หรือใครบ้างที่ตกเป็นเหยื่อหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของดิดดี้
ตอนนี้ ดิดดี้ยังยืนกรานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยเขากำลังถูกควบคุมตัวที่ทัณฑสถานอันมีชื่อเสียงฉาวโฉ่ในเมืองบรูกลิน และหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง แรปเปอร์ผู้ทรงอิทธิพลรายนี้อาจต้องจำคุกตลอดชีวิต
...
ดิดดี้เป็นใคร?
พี. ดิดดี้ (P. Diddy) หรือชื่อจริงคือ ฌอน โคมส์ (Jean Combs) แรปเปอร์ชาวอเมริกัน เจ้าของค่ายเพลง และผู้ทรงอิทธิพลคนหนึ่งในวงการเพลง อายุ 55 ปี เดิมใช้ชื่อว่า “พัฟฟ์ แดดดี้” ก่อนจะเปลี่ยนมาเป็น พ. ดิดดี้ อย่างในปัจจุบัน
เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักดนตรีด้วยการฝึกงานที่ Uptown Record ก่อนจะเติบโตอย่างรวดเร็วจนได้เป็นผู้บริการ และก่อตั้งค่ายเพลิงของตัวเองในชื่อ “แบดบอย เอนเตอร์เทนเมนต์” (Bad Boy Entertainment) ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมา และปั้นศิลปินมากมาย
หลังจากนั้น ดิดดี้เริ่มจับธุรกิจอื่นๆ เช่น แบรนด์แฟชั่น รายการโทรทัศน์ แอลกอฮอล์ จนบริษัทของเขาขยายตัวกลายเป็นอาณาจักรบริษัทขนาดใหญ่
ดิดดี้โดนฟ้องข้อหาอะไรบ้าง?
แรปเปอร์รายนี้ตกเป็นข่าวฉาวมากมาย จนกระทั้งดิดดี้ ถูกจับในโรงแรมที่นิวยอร์ก สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 16 ก.ย. 2567 ในข้อหาสมรู้ร่วมคิดเป็นอั้งยี่-ซ่องโจร (racketeering), บังคับค้าประเวณี และค้ามนุษย์เพื่อการค้าประเวณี
อัยการกลางกล่าวหาดดิดี้ว่า สร้างอาณาจักรอาชญากรรมขึ้นมา และใช้มันเพื่อ ล่วงละเมิด, ข่มขู่ และกรรโชกผู้หญิงและคนอื่นๆ รอบตัว ให้ทำตามความปรารถนาทางเพศ, ปกป้องชื่อเสียง, และปกปิดการกระทำผิดของเขา
อัยการกล่าวหาอีกว่า ดิดดี้ใช้นยาเสพติด, ความรุนแรง และอำนาจในวงการของเขา ล่อลวงผู้หญิงให้เข้าร่วมปาร์ตี้เซ็กซ์มาราธอนซึ่งถูกเรียกว่า “Freak-off” โดยการตรวจค้นบ้านของเขาในเมืองไมอามีและลอสแอนเจลิสเมื่อเดือนมีนาคม เจ้าหน้าที่พบอาวุธปืนหลายกระบอก, เครื่องกระสุนจำนวนหนึ่ง และน้ำมันเบบี้ออยล์นับ 1,000 ขวด
อัยการยังติดต่อกับพยานหลายคนที่เคยทำงานให้กับดิดดี้ และผู้เสียหายบางคนที่กำลังฟ้องร้องแรปเปอร์รายนี้ และเปิดกว้างว่าอาจมีการตั้งข้อหาเพิ่มอีก
ดิดดี้ ให้การในชั้นศาล ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด ขณะที่ทนายความของเขาบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ดิดดี้เป็นนักสู้และเขาไม่กลัวข้อกล่าวหาเหล่านี้ ซึ่งหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง เขาอาจต้องโทษจำคุกอย่างต่ำ 15 ปี ไปจนถึงตลอดชีวิต
ตอนนี้ ดิดดี้กำลังถูกคุมขังที่ทัณฑสถาน “เมโทรโปลิตัน ดีเทนชัน เซ็นเตอร์” ในเมืองบรูกลิน ซึ่งเป็นเรือนจำกลางที่มีชื่อฉาวเรื่องความรุนแรงและการดูแลนักโทษย่ำแย่ มีพื้นที่ความมั่นคงพิเศษสำหรับคุมขังนักโทษพิเศษ และสื่อในสหรัฐฯ รายงานว่า ดิดดี้ถูกคุมตัวอยู่ที่นั่น ร่วมกับนาย แซม แบงก์แมน-ฟรีด นักโทษคดีฉ้อโกงเงินคริปโต
ทีมทนายความของเขาพยายามยื่นขอประกันตัวแล้ว 2 ครั้ง โดยอ้างเหตุผลเรื่องสภาพภายในเรือนจำ แต่ไม่สำเร็จ โดยอัยการโต้แย้งว่า มีโอกาสสูงมากที่สุดดิดดี้จะหลบหนีหลังได้ประกันตัว
...
ใครคือผู้กล่าวหา?
คนแรกที่ออกมาเปิดโปงดิดดี้คือ แคสซี เวนทูรา นักแสดงสาวและอดีตแฟนสาวของเขาเอง โดยเธอยื่นฟ้องร้องเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปีก่อน กล่าวหาดิดดี้ว่า กักขังเธอให้อยู่ในวังวนแห่งการข่มเหง, ความรุนแรง และการค้าประเวณีมานานกว่า 10 ปี
แน่นอนว่าดิดดี้ปฏิเสธ และหลังจากยื่นคำร้องได้วันเดียว ทั้งคู่ก็ตกลงยอมความกันนอกศาล โดยที่ทนายความของดิดดี้ยืนยันว่า การตกลงยอมความไม่ใช่การยอมรับว่ากระทำความผิด
แต่ในเดือนพฤศภาคม 2567 สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น ไปได้คลิปวิดีโอจากกล้องวงจรปิด ที่แสดงให้เห็นภาพขณะที่ ดิดดี้กำลังทำร้ายร่างกายแคสซี ระหว่างที่ทั้งคู่มีปากเสียงกันในปี 2559 ตามระบุในเอกสารคำฟ้องร้องของเธอ ส่งผลให้ดิดดี้ออกมายอมรับ และขอโทษในการกระทำที่ “น่าขยะแขยง” ของตัวเอง และขอรับผิดชอบทั้งหมดต่อการกระทำนั้น
หลังจากนั้นผู้เสียหายที่อ้างว่าเคยตกเห็นเหยื่อของดิดดี้ ก็เริ่มแสดงตัวออกมายื่นฟ้องร้องแรปเปอร์ผู้ทรงอิทธิพลรายนี้ อีก 10 คน ได้แก่
-จอย ดิกเคอร์สัน-นีล เธอระบุว่า การฟ้องร้องของแคสซีเป็นแรงบันดาลใจให้เธอออกมาพูด โดยกล่าวหา ดิดดี้ว่า จงใจวางยาละข่มขืนเธอตอนที่เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ซีราคิวส์ ในนิวยอร์ก เมื่อปี 2534 พร้อมกับถ่ายคลิปวิดีโอเหตุการณ์เอาไว้ และนำไปเผยแพร่ให้คนอื่นๆ ดู
ตัวแทนของดิดดี้โจมตีการฟ้องร้องของเธอว่าเป็นการกระทำเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว และขอให้ศาลยกฟ้อง
-ลิซา การ์ดเนอร์ กล่าวหาดิดดี้กับนาย แอรอน ฮอล นักร้องแนวอาร์แอนด์บี ว่ามอบเหล้าแล้วบังคับให้เธอมีเซ็กซ์กับพวกเขาโดยที่เธอไม่ยินยอม ตอนที่เธอมีอายุเพียง 16 ปี ลิซาอ้างว่า ดิดดี้ไปหาเธอที่บ้านในวันต่อมาแล้วบีบคอเธอจนสลบไป ด้านทนายของดิดดี้ตอบโต้กว่า คำกล่าวอ้างของลิซาเป็นเรื่องโกหก
-เจน โด (นามสมมติ) อ้างว่า ดิดดี้, นายอาร์ฟ ปิแอร์ อดีตประธานของ แบด บอย เรคอร์ด และบุคคลที่สามอีก 1 คน รุมโทรมข่มขืนเธอในสตูดิโอแห่งหนึ่งในนครนิวยอร์ก ตอนที่เธอยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายวัย 17 ปี แต่ฝ่ายดิดดี้โต้กลับว่า เขาเบื่อหน่ายกับการกล่าวหา ของบุคคลที่ต้องการหาเงินทางลัดเต็มทนแล้ว
-ร็อดนีย์ “ลิล ล็อด” โจนส์ โปรดิวเซอร์และช่างภาพผู้เคยทำงานร่วมกับดิดดี้ ในอัลบั้มล่าสุดของเขา กล่าวหาแรปเปอร์ผู้นี้ว่า บริหารอาณาจักอั้งยี่-ซ่องโจรอย่างผิดกฎหมาย และเขาถูกบังคับให้จัดหายาเสพติด, ผู้ขายบริการทางเพศ และถ่ายวิดีโอขณะที่คนอื่นๆ มีเซ็กซ์ เขาอ้างด้วยว่า ดิดดี้กับนักแสดง คิวบา กูดดิ้ง จูเนีย ลวนลามเขาโดยที่เขาไม่ยินยอม
-เกรซ โอมาร์เคห์ ผู้ทำงานบนเรือยอชต์ที่ครอบครัวของดิดดี้เช่าเมื่อปี 2565 กล่าวหาแรปเปอร์หนุ่มใหญ่กับลูกชายของเขาที่ชื่อ คริสเตียน “คิง” โคมส์ ว่าล่วงละเมิดทางเพศเธอ และกล่าวโทษทั้งคู่ว่า สร้างสภาพแวดล้อมที่ผิดศีลธรรมทางโลกีย์ กับผู้ที่เธอเชื่อว่าเป็นผู้ค้าบริการทางเพศ กับดาราคนดังที่อยู่บนเรือในตอนนั้น
-คริสตัล แมกคินนีย์ อ้างว่า เธอถูกดิดดี้วางยาและจู่โจมทางเพศ หลังงาน “Men’s Fashion Week” ในปี 2546 ตอนที่เธออายุ 22 ปี และเขายังกีดกันเธอไม่ให้มีโอกาสในวงการนางแบบด้วย
-เอพริล แลมโพรส อ้างว่าพบกับดิดดี้ตอนเป็นนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีแฟชั่นในนิวยอร์ก เมื่อปี 2537 และมีกิจกรรมทางเพศที่น่าหวาดกลัว 4 ครั้งตลอดช่วงต้นยุค 2000
-อาเดรีน อิงลิช อดีตนักแสดงภาพยนตร์สำหรับผู้ใหญ่ ที่เคยทำงานกับดิดดี้ในช่วงยุค 2000 กล่าวหาว่า เขาใช้เธอเป็นตัวหมากทางเพศ เพื่อประโยชน์ทางการเงินและอารมณ์ของผู้อื่น ระหว่างร่วมงาน “ไวท์ ปาร์ตี้” (White Party) ซึ่งดิดดี้จัดขึ้นที่บ้านของเขาในนครนิวยอร์กและเมืองไมอามี
-ดอว์น ริชาร์ด อดีตสมาชิกวงหญิงล้วนที่ดิดดี้ปั้นมา อ้างว่า เธอเห็นกับตาตัวเองว่า ดิดดี้ใช้ความรุนแรงกับแคสซี และเขาขู่เอาชีวิตเธอตอนที่เธอพยายามเข้าไปห้าม
-ธาเลีย เกรฟส์ ยื่นฟ้องว่าถูกดิดดี้กับนายโจเซฟ เชอร์แมน บอดี้การ์ดของเขา วางยา ใช้กำลังบังคับ และมัดเธอเอาไว้ ก่อนจะร่วมกันข่มขืนเธอ โดยมีการถ่ายวิดีโอไว้ แล้วนำวิดีโอดังกล่าวไปเผยแพร่ในเวลาต่อมา
...
ปาร์ตี้ Freak-off คืออะไร?
ในเอกสารคำฟ้องร้อง 14 หน้าของอัยการ มีระบุถึงปาร์ตี้ Freak-off เอาไว้ถึง 27 ครั้ง
เป็นที่รู้กันดีว่า ระหว่างปี 2547-2552 ดิดดี้ชอบจัดงาน ไวท์ ปาร์ตี้ หรือ “ปาร์ตี้ชุดขาว” ที่ เดอะ แฮมป์ตัน ในนครนิวยอร์ก โดยเชิญดาราคนดังระดับท็อบมากมายมาร่วมงาน แม้แต่สาธุคุณ อัล ชาร์ปตัน ก็เคยมาร่วมงานด้วย แต่ตามเอกสารคำฟ้อง ดิดดี้เริ่มจะปาร์ตี้รูปแบบใหม่ ในปีเดียวกับที่เขาจัด ไวท์ ปาร์ตี เป็นครั้งสุดท้าย
ปาร์ตี้ดังกล่าวคือ Freak-off เอกสารคำฟ้องอ้างว่า ในปี 2552 ดิดดี้ใชกำลัง, ข่มขู่ใช้กำลังหรือกรรโชก ให้เหยื่อเข้าร่วมเซ็กซ์มาราธอนกับผู้ขายบริการทางเพศ ที่ดิดดี้ประทับตราคำว่า freak off เอาไว้ และปาร์ตี้นี้บางครั้งกินระยะเวลายาวนานหลายวัน และมีผู้ค้าบริการมีส่วนร่วมหลายคน
การจัดหาคนกลุ่มนี้ ดิดดี้ได้รับความช่วยเหลือจากสมาชิก “โคมส์ เอนเตอร์ไพรซ์” (Combs Enterprise) หนึ่งในธุรกิจของเขาที่อัยการกล่าวหาว่า เป็นองค์กรอาชญากรรม โดยพามาจากรัฐต่างๆ รวมถึงจากต่างประเทศ
ดิดดี้ถูกกล่าวหาด้วยว่า ระหว่างจัดปาร์ตี้ Freak-off เขากระจายสารควบคุมหลายขนานให้เหยื่อ รวมถึง เคตามีน, ยาอี และ แกมมา ไฮดรอกซีบิวตีเรท (GHB) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ยาเสียสาว เพื่อทำให้เหยื่อเชื่อฟังและทำตาม ดิดดี้ยังเข้าร่วมกิจกรรมในงานและช่วยตัวเองขณะดูคนอื่นมีเซ็กซ์ และถ่ายวิดีโอขณะเหยื่อมีเซ็กซ์กับผู้ค้าบริการเอาไว้ โดยบางครั้งเหยื่อก็ไม่รู้เรื่อง
เอกสารคำฟ้องระบุอีกว่า หลังงานปาร์ตี้ ดิดดี้กับเหยื่อมักรับสารอาหารทางหลอดเลือด เพื่อฟื้นตัวจากความเหนื่อยล้าและการใช้ยา
...
เทปลับสะท้านวงการ
ปาร์ตี้เซ็กซ์มาราธอนนี้บางครั้งก็จัดขึ้นที่บ้านของดิดดี้เอง โดยหนึ่งเจ้าหน้าที่ที่ร่วมตรวจค้นบ้านของเขาในเมืองไมอามีระบุว่า ดิดดี้มีห้อง “เซ็กซ์รูม” ที่ภายในเต็มไปด้วยเซ็กซ์ทอยและอุปกรณ์สำหรับพันธนาการ ในห้องยังเต็มไปด้วยกล้องลับที่ซ่อนเอาไว้ตามจุดต่างๆ และสามารถบันทึกภาพได้จากทุกมุม รวมถึงในมุมที่เหยื่อไม่รู้ และว่ากันว่า ดิดดี้ใช้คลิปเหล่านี้ แบล็กเมลเหยื่อให้กลับมาร่วมงานอีก
ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่า เทปลับดังกล่าวมีจริงหรือไม่ หรือตำรวจได้เทปนั้นไว้ในมือแล้วหรือยัง แต่ข่าวลือเรื่องเทปลับงาน Freak-off ของดิดดี้กระจายออกมาตั้งแต่ ร็อดนีย์ โจนส์ ยื่นฟ้องดิดดี้ในเดือนกุมภาพันธ์แล้ว โดยในคำฟ้อง โจนส์อ้างว่า ดิดดี้ซ่อนกล้องเอาไว้ในทุกห้อง และเขาเชื่อว่า ดิดดี้บันทึกคลิปดารา, ศิลปิน, ผู้บริหารในวงการดนตรี และนักกีฬาที่มาเข้าร่วมปาร์ตี้ Freak-off ของเขาเอาไว้ทั้งหมด
ต่อมา ฟิฟตี้ เซนท์ (50 Cent) แรปเปอร์ชื่อดังอีกคนในวงการ ออกมาราดน้ำมันเข้ากองไฟว่า เขายินดีจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อให้ได้เทปเหล่านี้มา เพื่อดูว่าใครมีส่วนร่วมบ้าง และความสนใจในเทปดังกล่าวก็ยิ่งเพิ่มสูง นับตั้งแต่ดิดดี้ถูกจับกุมตัว
“ดิดดี้บังเอิญช่วยทำคุณงามความดีแก่โลกอย่างใหญ่หลวง ด้วยการบันทึกเทปลับของกลุ่มคนที่ชั่วร้ายที่สุดบนโลกเอาไว้ได้” แมท วอลเลซ นักลงทุนเงินคริปโตชื่อดัง โพสต์ผ่าน X ซึ่งมีผู้ติดตามถึง 2.1 ล้านฟอลโลเวอร์ของเขา
จนถึงตอนนี้ยังไม่มีดาราคนดังรายใดได้รับการยืนยันว่าอยู่ในเทปลับของดิดดี้ หากเทปดังกล่าวมีอยู่จริง และนั่นทำให้เกิดการคาดเดาไปต่างๆ นานาบนโลกออนไลน์
“อัชเชอร์ (Usher) เพิ่งลบทวีตของตัวเองทั้งหมดไป เทปของดิดดี้กำลังจะส่งดาราคนดังหลายร้อยคนเข้าคุก” นายวอลเลซโพสต์เอาไว้อีกเมื่อ 22 ก.ย. และถูกแชร์ต่อจนกลายเป็นไวรัล โดยอัชเชอร์ แรปเปอร์ซึ่งเป็นเด็กปั้นของดิดดี้ อ้างในเวลาต่อมาว่า บัญชีผู้ใช้ของเขาถูกแฮก
แต่บางทฤษฎีก็ดูหลุดโลกเกินไปหน่อย เช่นผู้ใช้ X รายหนึ่งโพสต์ว่า “ครอบครัวโอบามา, คลินัตน และคามาลา ต่างมีความสัมพันธ์แปลกๆ กับดิดดี้ แต่เชื่อฉันเถอะ พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองเสมอ คุณเห็น มีค มิล (Meek Mill) โผล่มาได้เทป แต่พวกเขาจะไม่มีวันให้คุณได้เห็นนักการเมืองที่อยู่ในนั้น”
ใครมีส่วนร่วม ใครตกเป็นเหยื่อ?
คดีของดิดดี้เริ่มกลายเป็นคดีใหญ่ ที่มีส่วนพัวพันกับดาราคนดังมากขึ้นเรื่อย จนทำให้ชาวเน็ตก็คาดเดาไปต่างๆ นานายังมีใครอีกที่ตกเป็นเหยื่อหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีของดิดดี้บ้าง
ผู้ต้องสงสัยรายแรกเลยคือ อัชเชอร์ ผู้อ้างว่าบัญชี X ถูกแฮกจนข้อความทั้งหมดที่เคยโพสต์ถูกลบหายเกลี้ยง แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นหนึ่งในเหยื่อของดิดดี้ เพราะเขาย้ายไปอยู่กับดิดดี้ตั้งแต่อายุ 14 ขวบ เพื่อทำอัลบั้มแรก
รายต่อมาคือ จัสติน บีเบอร์ ชาวเน็ตมากมายตั้งทฤษฎีว่า การที่นักร้องหนุ่มรายนี้ป่วยเป็นโรคแพนิก ก็เพราะว่าตอนเด็กเคยถูก ดิดดี้ ล่วงละเมิดและชักนำไปในทางไม่ดี มีการโยงเนื้อเพลงของหนุ่มจัสตินมาเชื่อมโยงกับเรื่องนี้ และมีคนแห่เข้าไปให้กำลังใจบีเบอร์เต็มไอจี
อีกคนคือ ลีโอนาร์โด ดิ คาปริโอ มีรูปตอนไปงานปาร์ตี้ White Party ของ ดิดดี้ แต่ลีโอออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่เคยไปร่วมปาร์ตี้อื่น
ขณะที่ Pink หรือ P!nk ก็ลบข้อความในบัญชี X ของเธอเกือบทั้งหมด เก็บไว้แค่ข้อความที่รีโพสต์จากคนอื่น 2 โพสต์เท่านั้น ทำให้ตอนแรกคนเกิดความสงสัยว่า Pink จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการจับกุมดิดดี้หรือไม่ แต่มีการรายงานในเวลาต่อมาว่า ที่ Pink ลบข้อมูลบน X ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ลบเพื่อความปลอดภัยของเธอกับลูกในเรื่องอื่น
ผู้เขียน : ทิตชนม์ สว่างศรี
ที่มา : bbc , xxlmag , versustexas