จีนเปิดเผยความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งบรรทุกหัวรบจำลอง ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก

จีนเปิดเผยความสำเร็จในการยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ซึ่งบรรทุกหัวรบจำลอง ไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก กระทรวงกลาโหมจีนกล่าวว่า ยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ถูกยิงเมื่อเวลา 08:44 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันพุธ (25 ก.ย.) และตกลงไปในบริเวณทะเลในจุดที่กำหนดไว้ พร้อมทั้งเสริมว่าการทดสอบครั้งนี้เป็น "เรื่องปกติ" และเป็นส่วนหนึ่งของ "การฝึกซ้อมประจำปี"

ประเภทของขีปนาวุธและเส้นทางการยิงยังไม่ชัดเจน แต่สื่อของรัฐบาลจีนกล่าวว่ารัฐบาลจีนได้แจ้งให้ประเทศที่เกี่ยวข้องทราบล่วงหน้าแล้ว

ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า คำอธิบายของทางการจีนเกี่ยวกับการทดสอบครั้งนี้ที่ว่าเป็น "เรื่องปกติ" นั้น เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจ เนื่องจากการทดสอบครั้งสุดท้ายดังกล่าวเกิดขึ้นในปี 1980 หรือเมื่อ 44 ปีที่แล้ว

การทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ของจีนมักจะเกิดขึ้นภายในประเทศ และก่อนหน้านี้ จีนเคยทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ไปทางตะวันตกของทะเลทรายทากลามากันในเขตปกครองตนเองซินเจียง ดังนั้น เชื่อกันว่านี่เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1980 ที่จีนยิงขีปนาวุธข้ามทวีป เข้าไปในน่านน้ำสากล

กระทรวงกลาโหมของญี่ปุ่นกล่าวว่า เรือของญี่ปุ่นไม่ได้รับความเสียหายใดๆ ณ ช่วงบ่ายของวันพุธ และระบุว่าญี่ปุ่นจะยังคงรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของกองทัพจีน และจะใช้ความระมัดระวังอย่างเต็มที่ในการเฝ้าระวังและเฝ้าติดตาม

ครั้งสุดท้ายที่จีนทำการทดสอบดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเดือนพฤษภาคม 1980 โดยขีปนาวุธข้ามทวีปเดินทางเป็นระยะทางราว 9,070 กิโลเมตร และตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิก การทดสอบครั้งนั้นเกี่ยวข้องกับเรือรบของจีน 18 ลำ และยังถือเป็นหนึ่งในภารกิจทางทะเลที่ใหญ่ที่สุดของจีน

...

ดรูว์ ทอมป์สัน นักวิจัยรับเชิญจากวิทยาลัยนโยบายสาธารณะลีกวนยู ในสิงคโปร์ ระบุว่า การยิงไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ประเทศใด แต่มีความตึงเครียดในระดับสูงระหว่างจีนกับญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ และเป็นไปได้ว่ามีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องกับไต้หวันด้วย และเสริมว่า  "การยิงเป็นสัญญาณที่ทรงพลังที่ตั้งใจจะข่มขู่ทุกประเทศ"

ด้านจอห์น ริดจ์ นักวิเคราะห์ด้านการป้องกันประเทศที่ประจำอยู่ในสหรัฐฯ กล่าวว่า จีนอาจทำการทดสอบนี้เพื่อแสดงท่าทีหรือส่งสัญญาณไปยังสหรัฐฯ

แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ จะดีขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา แต่การแสดงออกอย่างแข็งกร้าวของจีนในภูมิภาคนี้ยังคงเป็นจุดที่สร้างปัญหาขณะที่ความตึงเครียดระหว่างจีนและฟิลิปปินส์ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากเรือของทั้งสองชนกันหลายครั้ง ในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาท เมื่อเดือนที่แล้ว ญี่ปุ่นได้ส่งเครื่องบินขับไล่ขึ้นบิน หลังจากที่กล่าวหาว่าเครื่องบินสอดแนมของจีนละเมิดน่านฟ้าของตน ซึ่งเป็นการกระทำที่ญี่ปุ่นเรียกว่า "สิ่งที่ยอมรับไม่ได้อย่างสิ้นเชิง"

จีนซึ่งถูกสหรัฐวิพากษ์วิจารณ์บ่อยครั้งถึงความไม่โปร่งใสในการสะสมอาวุธนิวเคลียร์ ได้ยกเลิกการเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม เนื่องจากสหรัฐฯ ขายอาวุธให้ไต้หวัน

กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ประมาณการเมื่อปีที่แล้วว่า จีนมีหัวรบนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้จริงมากกว่า 500 หัวในคลังแสง โดย 350 หัวเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป และน่าจะมีหัวรบนิวเคลียร์มากกว่า 1,000 หัวภายในปี 2030 กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ระบุในรายงานว่ากองทัพจีนกำลังสร้างคลังแสงสำหรับขีปนาวุธข้ามทวีปบนบกหลายร้อยแห่ง ซึ่งเปรียบเทียบกับหัวรบนิวเคลียร์ที่ใช้งานได้จริง 1,770 หัวและ 1,710 หัวที่สหรัฐฯ และรัสเซียติดตั้งไว้ตามลำดับ กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ กล่าวว่าภายในปี 2030 อาวุธของจีนจำนวนมากน่าจะถูกเก็บไว้สำหรับระดับความพร้อมรบที่สูงขึ้น.

ที่มา BBC

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign