ผู้เฒ่าฝรั่งเศสให้การในศาลครั้งแรก ยอมรับทุกข้อหา กรณีวางยาเมีย-ชวนผู้ชายมาข่มขืนนับ 10 ปี สารภาพสิ้นกลายเป็นโรคจิตได้อย่างไร

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายโดมินิก เปลิโกต์ ชายชาวฝรั่งเศสวัย 71 ปี ผู้ถูกกล่าวหาว่า วางยาภรรยาตัวเองให้หลับ แล้วชวนชายแปลกหน้ามาที่บ้านเพื่อร่วมกันล่วงละเมิดทางเพศเธอตลอดช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขึ้นให้การในศาลเป็นครั้งแรกในวันอังคารที่ 17 ก.ย. 2567 และยอมรับความผิดทุกข้อกล่าวหา

นายเปลิโกกล่าวว่า “ผมเป็นผู้ข่มขืนเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ในห้องนี้” สื่อถึงจำเลยร่วม 50 คน ที่อยู่ในชั้นศาลด้วย “พวกเขาทั้งหมดรู้ดี พวกเขาพูดเป็นอื่นไม่ได้” นายเปลิโกต์กล่าว หลังมีจำเลยร่วมเพียง 15 คนจาก 50 คน ที่ยอมรับผิดฐานข่มขืน ขณะที่คนอื่นๆ อ้างว่า นึกว่าภรรยาของนายเปลิโกต์แกล้งหลับ และเรื่องทั้งหมดเป็นความยินยอม

“เธอไม่ควรได้รับสิ่งนี้” นายเปลิโกต์พูดถึงจีเซล อดีตภรรยาและผู้เสียหาย “ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่กับเธอ”

ด้านจีเซล ซึ่งสละสิทธิ์การปกปิดตัวตนและต้องการให้เปิดเผยข้อมูลการพิจารณาคดีต่อสาธารณะ กล่าวในศาลว่า “มันเป็นเรื่องยากสำหรับฉันที่ต้องมาฟังเรื่องพวกนี้ ตลอด 50 ปี ฉันใช้ชีวิตอยู่กับชายที่ฉันไม่เคยจินตนากรเลยว่าจะทำสิ่งเหล่านี้ได้ ฉันเชื่อใจเขาอย่างเต็มที่”

นับตั้งแต่การพิจารณาคดีเริ่มขึ้นเมื่อ 2 ก.ย. จีเซลในวัย 72 ปี ก็กลายเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการฟื้นตัวจากเรื่องเลวร้าย เมื่อสัปดาห์ก่อน ผู้หญิงหลายพันคนในฝรั่งเศสออกมาร่วมชุมนุมใน 30 เมืองทั่วประเทศ เพื่อแสดงการสนับสนุนจีเซลและผู้ตกเป็นเหยื่อการข่มขืนทุกคน

...

ในการพิจารณาคดีเมื่อวันอังคาร (17 ก.ย.) นายเปลิโกต์เริ่มให้การด้วยการบอกศาลถึงประสบการณ์มากมายในวัยเด็ก ที่กลายเป็นบาดแผลในจิตใจของเขา รวมถึงเรื่องที่เขาถูกบุรุษพยาบาลล่วงละเมิดทางเพศตอนอายุ 9 ขวบ

เมื่อถูกถามถึงเรื่องการแต่งงานของเขากับจีเซล นายเปลิโกต์ตอบว่า เขาเคยคิดจบชีวิตตัวเองหลังรู้ว่าภรรยานอกใจ และเขายืนยันกับซ้ำๆ ตลอดการไต่สวนในช่วงเช้าว่า เขาไม่เคยเกลียดภรรยาเลย ที่จริงเขารักภรรยาจนบ้าคลั่งต่างหาก และตอนนี้ก็ยังรักอยู่

“ผมรักเธอด้วยดีมา 40 ปี และรักอย่างรุนแรงมา 10 ปี” นายเปลิโกต์กล่าว โดยไม่แน่ชัดว่าเขาสื่อถึงช่วง 10 ปีที่เขาก่อเหตุหรือไม่

เมื่อนายสเตฟาน บาบงโน หนึ่งในทนายความของจีเซลถามว่า เหตุใดนายเปลิโกต์จึงไม่คิดจะหยุดการล่วงละเมิดภรรยาของเขา แม้ว่าเธอเริ่มมีปัญหาทางการแพทย์ นายเปลิโกต์ก็ตอบว่า “ผมพยายามจะหยุด แต่การเสพติดของผมรุนแรงกว่า และความต้องการก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ”

ทั้งนี้ จีเซลเคยเปิดเผยในการพิจารณาคดีรอบก่อนว่า เธอกังวลว่าตนเองเป็นอัลไซเมอร์ หรือมะเร็งสมอง เนื่องจากเธอผมร่วงและน้ำหนักลด รวมถึงมีความทรงจำขาดห้วง โดยไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว ทั้งหมดเป็นผลข้างเคียงจากยาระงับประสาทที่สามีของเธอแอบให้กิน

“ผมพยายามสร้างความมั่นใจให้เธอ แต่ผมทรยศความเชื่อใจของเธอ ผมควรจะหยุดเร็วกว่านี้ ที่จริงผมไม่ควรเริ่มมันเลยด้วยซ้ำ” นายเปลิโกกล่าว

ชายวัย 71 ปีรายนี้ยังถูกกล่าสวหาว่า วางยาและล่วงละเมิดทางเพศลูกสาวชื่อว่า แคโรลีน หลังมีการค้นพบภาพของเธอในสภาพกึ่งเปลือยอยู่ในแล็ปท็อปของเขา ซึ่งนายเปลิโกต์ปฏิเสธข้อกล่าวหา และย้ำในวันอังคารว่า เขาไม่เคยแตะต้องหลานๆ ของเขาด้วย “ผมสามารถมองตาครอบครัวของผม แล้วบอกพวกเขาว่า ไม่มีสิ่งอื่นเกิดขึ้น”

นายเปลิโกต์อ้างด้วยว่า เขากลายเป็นคนโรคจิตแบบนี้หลังจากเขาพบบุรุษพยาบาลคนหนึ่งบนโลกออนไลน์ ซึ่งแนะนำให้เขาวางยาภรรยาด้วยยาระงับประสาท พร้อมทั้งบอกวิธีใช้งานและแบ่งปันรูปผู้หญิงที่ถูกวางยาให้เขาดู “นั่นคือตอนที่ทุกอย่างมัน คลิ๊ก” นายเปลิโกต์กล่าว “ทุกอย่างเริ่มขึ้นจากตรงนั้น”

ช่วงหนึ่งของการพิจารณาคดีในวันอังคาร นายเปลิโกต์ถูกถามเรื่องคลิปวิดีโอนับพันคลิกที่เขาถ่ายระหว่างที่ ชายแปลกหน้าล่วงละเมิดภรรยาที่หมดสติของเขา โดยนี่เป็นหลักฐานที่ตำรวจค้นพบระหว่างการสืบสวน และช่วยให้เจ้าหน้าที่สาวไปถึงตัวชาย 50 คน ที่กลายเป็นจำเลยร่วมในคดีข่มขืนอยู่ตอนนี้

นายเปลิโกต์ยอมรับว่าเขาถ่ายคลิปวิดีโอจริง เพื่อความ “พอใจ” และเพื่อเป็น “หลักประกัน” ด้วย

นายเปลิโกต์ใช้เวลาทั้งช่วงเช้าเพื่อโต้แย้งคำกล่าวอ้างของจำเลยหลายคนที่อ้างว่า พวกเขานึกว่าจีเซลแกล้งหลับ และทุกอย่างเป็นความยินยอม โดยชี้ว่า เขาติดต่อกับชายแปลกหน้ากลุ่มนี้ผ่านห้องแชทของเว็บไซต์แชร์สื่อลามกอนาจารเว็บหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ถูกปิดไปแล้ว โดยใช้ชื่อห้องแชทว่า “Without her knowledge” หรือ “โดยที่เธอไม่รู้”

...

“ผมไม่ได้บังคับใคร พวกเขามาหาผมเอง” นายเปลิโกต์กล่าวในวันอังคาร “พวกเขาถามผมว่า พวกเขามาด้วยได้มั้ย และผมตอบว่าได้ ผมไม่เคยใส่กุญแจมือแล้วลากใครมา”

จำเลยบางคนอ้างว่า พวกเขาถูกนายเปลิโกต์ครอบงำให้เชื่อว่า พวกเขากำลังร่วมเล่นเกมกระตุ้นความรู้สึกทางเพศ และภรรยาของเขาแกล้งหลับเพราะเขินอาย หลายคนอ้างด้วยว่า พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่าถูกถ่ายวิดีโออยู่

อย่างไรก็ตาม นายเปลิโกต์กล่าวว่า คนเดียวที่เขาควบคุมให้หลงเชื่อคือภรรยาของเขา และว่าชายกลุ่มนี้ต้องรู้แน่นอนว่าถูกถ่ายวิดีโออยู่ เพราะในห้องมีขาตั้งสามขาเชื่อมต่อกับจอโทรทัศน์ ซึ่งทุกคนสามารถเห็นได้ในทันทีที่เข้าไปในห้อง

นายเปลิโกตระบุว่า เขาต้องการพิสูจน์ว่า ภรรยาของเขาเป็นผู้เสียหายไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด พิสูจน์ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นโดยที่เธอไม่รู้

ด้าน น.ส.เบียทริซ ซาวาร์โร ทนายความของนายเปลิโกต์บอกกับสื่อว่า เธอไม่รู้ว่าสังคมคิดอย่างไรกับลูกความของเธอ แต่เขาได้เล่าความจริงของเขาออกมาแล้ว และการสารภาพของเขาจะดำเนินต่อไป

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc