สิบกว่าปีที่แล้ว ไปเยือนยุโรป จะเห็นคนจีนยืนเข้าคิวแย่งกันซื้อสินค้าแบรนด์เนม ยุโรปบางคนทำหน้าตาเหมือนไม่พอใจ (ทั้งที่คนจีนเอาเงินไปให้) บางแห่งมีการจำกัดการซื้อของลูกค้าชาวจีนเสียด้วยซ้ำ

เรื่องการบูลลี่คนจีนที่ไปซื้อสินค้าแบรนด์เนมตามเมืองใหญ่ใน ยุโรปมีให้เห็นเป็นประจำในอดีต อาจเป็นสิ่งที่อยู่ใต้สมองของฝรั่ง มังค่าบางคน ที่ยังติดภาพในอดีตว่าคนจีนเป็นคอมมิวนิสต์ยากจนข้นแค้น แต่ก็ไม่ใช่ฝรั่งทั้งหมดนะครับ ที่มองคนจีนอย่างนี้

นโยบายของรัฐบาลจีนปัจจุบันคือ ‘ประหยัดอย่างยิ่งยวด’ มีการเตือนจากรัฐบาลกลางและท้องถิ่นเพื่อสร้างนิสัยใหม่ให้เยาวชนคนจีนหันมาประหยัด รัฐบาลจีนออกสโลแกน ‘รัดเข็มขัดให้แน่น ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง’ ก่อนหน้านี้เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว มีการรณรงค์เรื่องให้คนจีนกินข้าวทุกเม็ด เรื่องนี้กระทบธุรกิจภัตตาคารร้านอาหารของเรามาก

เมื่อเขียนถึงเรื่องนี้ ก็ไม่ต้องดูอื่นไกลดอกครับ กระทบผมเองนี่แหละ ที่ไปทำภัตตาคารไทยขนาดใหญ่ไว้ในห้างสรรพสินค้าหรูหราหมาเห่าในเมืองอู่ฮั่น ฉางซา ซัวเถา กุ้ยหลิน ฯลฯ นโยบายประหยัดของรัฐบาลจีนที่เกิดขึ้นหลังจากวิกฤติโควิด-19 ทำให้ต้องปิดภัตตาคารเหลือเพียงกุ้ยหลินและซัวเถาเท่านั้น

ถามนักเศรษฐศาสตร์ชาวจีนและเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลที่เราพอรู้จัก ทุกคนพูดตรงกันว่า ยากที่สังคมจีนจะกลับไปใช้สตางค์มากมายเหมือนเก่า แม้แต่สำนักงานพรรคคอมมิวนิสต์ก็หยุดการเช่าพื้นที่หรือขยายพื้นที่ใหม่ หากพอเป็นไปได้ก็ให้ควบรวมและคืนพื้นที่เช่ากลับไป สมัยก่อนตอนที่เจ้าหน้าที่รัฐไปปฏิบัติการต่างพื้นที่ จะมีการเบิกค่าที่พักตามโรงแรม เกสต์เฮาส์จากสำนักงานของพรรคได้ ทว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วครับ ใครไปปฏิบัติงานต่างถิ่น ก็ต้องไปพักที่บ้านชั่วคราวหมุนเวียนของรัฐเท่านั้น

...

ที่กระทบแรงคือแบรนด์หรูหราหมาเห่าของฝรั่ง หกเดือนที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของแบรนด์สินค้าหรู  ซึ่งทั้งหมดเป็นของตะวันตกที่อยู่ในดัชนีกลุ่มหุ้นสินค้าแบรนด์หรูยุโรปของโกลด์แมน แซคส์ มูลค่าหายไป 2.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 8 ล้านล้านบาท มากกว่างบประมาณประเทศไทยถึง 2 เท่า

ที่กระอ้อกระเอียงเป็นเฉียงพร้านางแอก็คือเบอร์เบอรี่กรุ๊ปของอังกฤษ ระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา มูลค่าของบริษัทดิ่งลงไปมากถึงร้อยละ 70 สถานการณ์ยุ่งเป็นกุ้งหัวโขน จนต้องโดน ถอดออกจากดัชนี FTSE100 ของลอนดอนไปแล้วเรียบร้อย

ภายในเวลาเพียงปีเดียว บริษัทฝรั่งเศสที่เป็นเจ้าของแบรนด์กุชชี่ และบริษัทเยอรมันที่เป็นเจ้าของแบรนด์ ฮิวโก้ บอส เหี่ยวจนมูลค่าหุ้นลงไปเกือบครึ่ง ส่วนแอลวีเอ็มเอช ที่เป็นเจ้าของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง คริสเตียน ดิออร์ ฯลฯ หุ้นก็ร่วงเป็นเมียคุณหลวงตกอับ

แบรนด์ดังของฝรั่งที่ไปตั้งสาขาตามเมืองใหญ่ของจีน ตอนนี้ก็ลดขนาดร้านกันอย่างชุลมุนชุลเก ไม่ว่าจะทิฟฟานี แอนด์ โค แบรนด์จิวเวลรีของแอลวีเอ็มเอช หรือแบรนด์อื่นๆก็ลดขนาดลงด้วยเช่นกัน

หลายปีที่ผ่านมา ทุกคนชื่นชมการเดินหน้าเปิดธุรกิจของสตาร์บัคส์ที่กระจายไปทั่วทุกเมืองของแผ่นดินจีน มีร้านกาแฟในจีนมากถึง 7,306 แห่ง ตอนนี้ก็เริ่มเผชิญกับปัญหาจากเศรษฐกิจจีนจำศีล คนจีนระมัดระวังในการดื่มกาแฟมากขึ้น ส่วนพวกที่ติดกาแฟเลิกไม่ได้ก็หันไปหากาแฟแบรนด์ที่ถูกกว่า

หลายคนวิเคราะห์ว่า การรัดเข็มขัดอย่างเข้มงวดที่เกิดขึ้น ในจีน มีแนวโน้มจะเกิดขึ้นในหลายประเทศ เมื่อผู้คนไม่ออกมา จับจ่ายใช้สอย ผู้อ่านท่านคงนึกออกนะครับ ว่าถ้าเงินไม่หมุนเวียน ความมั่งคั่งก็จะลดหดหาย เศรษฐกิจจะพังพาบไปทั้งโลก

พวกที่โดนอย่างแรกก็คือสินค้าฟุ่มเฟือย

บริษัทฝรั่งหลายแห่งแช่งด่าผู้บริหารรัฐบาลที่เล่นงานจีน โจมตีจีน จนนักท่องเที่ยวจีนแขยงแขงขนสหรัฐฯและยุโรป ไม่มาเที่ยว ไม่ซื้อสินค้า ทำให้แบรนด์เนมคอเอียงเสียงแหบกรอบแกรบไปตามกัน.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย

คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม