ประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่านลั่น ตำรวจศีลธรรมจะไม่ยุ่งกับผู้หญิง เรื่องการใส่ฮิญาบอีก สวนทางกับรายงานของสหประชาชาติ ที่บอกว่าอิหร่านควบคุมผู้หญิงมากขึ้น

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายมาซูด เปเซชเคียน ประธานาธิบดีคนใหม่ของประเทศอิหร่าน บอกกับผู้สื่อข่าว ว่าตำรวจศีลธรรมจะไม่ยุ่งกับผู้หญิงเรื่องการสวมใส่ผ้าโพกศีรษะหรือ ฮิยาบ อีกต่อไปแล้ว หลังจากสหประชาชาติออกมาเตือนว่า ผู้หญิงในอิหร่านยังคงถูกลงโทษอย่างรุนแรงจากการทำผิดกฎการแต่งกายนี้

คำพูดของนายเปเซชเคียนเกิดขึ้นในวันที่ 16 ก.ย. 2567 ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปีกรณีที่ น.ส. มาห์ซา อามินี เสียชีวิตหลังถูกตำรวจจับกุมข้อหาไม่สวมฮิญาบอย่างเหมาะสม ซึ่งกลายเป็นชนวนทำให้เกิดการประท้วงใหญ่ไปทั่วประเทศ และทำให้รัฐบาลอิหร่านเพิ่มความพยายามในการจำกัดสิทธิ์ของผู้หญิงและการประท้วงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันจันทร์ นายเปเซชเคียนได้พบกับนักข่าวหญิงคนหนึ่ง ซึ่งอ้างว่าเธอต้องใช้ทางอ้อมมายังงานแถลงข่าว เพื่อหลีกเลี่ยงรถตู้ของตำรวจ เนื่องจากเธอสวมฮิญาบแบบหลวมๆ และปล่อยให้เห็นผมเล็กน้อย

เมื่อนายเปเซชเคียนถามนักข่าวหญิงรายนี้ว่า ตำรวจยังคงอยู่บนท้องถนนหรือไม่ เธอยืนยันกลับไปว่าเป็นเช่นนั้น ประธานาธิบดีอิหร่านจึงตอบกลับว่า “ตำรวจศีลธรรมไม่ควรไปเผชิญหน้ากับผู้หญิง ผมจะดำเนินการติดตามผล เพื่อที่พวกเขาจะไม่ไปยุ่งกับพวกเธออีก”

คำพูดของนายเปเซชเคียนได้รับการถ่ายทอดสดผ่านสถานีโทรทัศน์รายใหญ่ของอิหร่าน รวมถึง IRINN และคลิปการสนทนาระหว่างเขากับผู้สื่อข่าวหญิงรายนี้ก็กลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์

ทั้งนี้ นี่เป็นการแถลงข่าวครั้งแรกของนายเปเซชเคียนหลังจากเขารับตำแหน่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา แทนที่นายอิบราฮิม ราอิซี ผู้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ก่อนจะเสียชีวิตในเหตุเฮลิคอปเตอร์ตก

...

นายเปเซชเคียนถูกมองว่าเป็นนักปฏิรูป โดยระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง เขาให้คำมั่นว่าจะต่อต้านการบังคับใช้กฎหมายบังคับสวมฮิญาบอย่างเข้มงวดของตำรวจ และสัญญาด้วยว่า จะผ่อนคลายการควบคุมการใช้อินเทอร์เน็ตที่บังคับใช้มาอย่างยาวนาน และยกระดับขึ้นอีกหลังการประท้วงใหญ่เมื่อปี 2565 ด้วย

งานแถลงข่าวของนายเปเซชเคียนยังส่งสัญญาณถึงการผ่อนคลายความเข้มงวดในกฎการแต่งกายของผู้หญิง เพราะมีผู้หญิงหลายคนที่สวมผ้าคลุมปิดบังศีรษะแบบหลวมๆ เข้าร่วมงาน ต่างจากสมัยก่อนที่นักข่าวหญิงทุกคนต้องสวมฮิญาบอย่างเต็มรูปแบบ จึงจะสามารถร่วมงานแถลงได้

อย่างไรก็ดี รายงานฉบับล่าสุดของหน่วยงานสหประชาชาติในอิหร่าน ซึ่งเผยแพร่เมื่อสัปดาห์ก่อนระบุว่า ผู้หญิงในประเทศนี้ยังคงต้องใช้ชีวิตภายในระบบทึควบคุมพวกเธอเหมือนเป็นพลเมืองชั้น 2

รายงานระบุว่า ทางการอิหร่านเพิ่มาตรการและนโยบายต่างๆ เพื่อพรากสิทธิพื้นฐานของผู้หญิงและเด็กหญิง เพิ่มการควบคุมการสวมใส่ฮิญาบทั้งในที่สาธารณะและส่วนบุคคล และมักใช้ความรุนแรงในการลงโทษผู้หญิงและเด็กหญิงที่ทำผิดกฎดังกล่าว

สหประชาชาติบอกอีกว่า ทางการอิหร่านเพิ่มการใช้โทษประหารต่อนักเคลื่อนไหวสตรีมากขึ้น และเพิ่มการประหารชีวิตผู้ที่แสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับการประท้วงใหญ่ในปี 2565 ขณะที่ร่างกฎหมาย “ฮิญาบและความดีงาม” ซึ่งจะมีบทลงโทษรุนแรงกว่าเดิม กำลังอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการเห็นชอบโดยสภาอารักษ์ของอิหร่านแล้ว

ร่างกฎหมายดังกล่าว มีบทลงโทษที่รุนแรงขึ้นสำหรับผู้หญิงที่ไม่สวมฮิญาบตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึง ปรับเงินจำนวนมาก, จำคุกนานขึ้นกว่าเดิม, จำกัดโอกาสในการทำงานและการศึกษา, และห้ามเดิมทาง

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc