ชายชาวเคนยาผู้ก่อเหตุจุดไฟเผาอดีตแฟนสาว นักวิ่งดีกรีโอลิมปิกจนเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ก่อน เสียชีวิตตามไปด้วยแล้ว เพราะบาดแผลไฟไหม้ที่เขาได้รับจากเหตุการณ์นี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 10 ก.ย. 2567 ว่า นายดิกสัน เอ็นดีมา อดีตแฟนหนุ่มของ น.ส.รีเบคกา เชปเตเก นักวิ่งมาราธอนหญิงดีกรีโอลิมปิกทีมชาติยูกันดาเชื้อสายเคนยา ซึ่งก่อเหตุจุดไฟเผาเธอทั้งเป็นจนเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ก่อน เสียชีวิตลงแล้วเช่นกัน เนื่องจากบาดแผลไฟไหม้ที่เขาได้รับจากเหตุการณ์นี้ด้วย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในประเทศเคนยา โดยนายเอ็นดีมาดักรออดีตแฟนสาวในบ้านของเธอ เมื่อ น.ส.เชปเตเกมาถึง เขาก็ราดน้ำมันใส่เธอและจุดไฟเผาเธอทั้งเป็นเมื่อ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ทำให้เธอเป็นแผลไฟไหม้มากกว่า 80% ของร่างกาย และเสียชีวิตในวันที่ 5 ก.ย. หรือราว 4 วันหลังเกิดเหตุ ขณะมีอายุเพียง 33 ปี
เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเผยว่า ทั้ง 2 คนขัดแย้งกันเรื่องที่ดินขนาดเล็กผืนหนึ่งในภาคตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศเคนยา ซึ่ง น.ส.เชปเตเกอาศัยอยู่และฝึกซ้อมที่นั่น
นายเอ็นดีมาเสียชีวิตเมื่อช่วงค่ำวันจันทร์ที่ 9 ก.ย. ขณะรักษาตัวในห้องไอซียู โดยตามการเปิดเผยของโรงพยาบาลในเคนยา นายเอ็นดีมาถูกไฟคลอกมากกว่า 40% ของร่างกาย
“เขาเกิดอาการระบบทางเดินหายใจล้มเหลว อันเป็นผลจากทางเดินหายใจถูกไฟไหม้อย่างรุนแรงและภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งทำให้เขาเสียชีวิตในเวลา 18.30 น. วันจนทร์ แม้จะมีการใช้มาตรการต่างๆ เพื่อช่วยชีวิตแล้วก็ตาม” โรงพยาบาลเพื่อการเรียนการสอนและรับผู้ป่วยส่งต่อ “โมอี” (Moi Teaching and Referral Hospital) ระบุในแถลงการณ์
ทั้งนี้ น.ส.เชปเตเกเป็นนักกีฬาหญิงคนที่ 3 ที่ถูกสังหารในประเทศเคนยา ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา โดยในทุกคดี ผู้ต้องสงสัยล้วนเป็นแฟนหรืออดีตแฟนของพวกเธอเอง
...
ในปี 2564 แอกเนส ทิรอป นักวิ่งระยะไกลชาวเคนยาถูกแทงเสียชีวิต และ 6 เดือนต่อมา น.ส.ดามาริส มูตูอา นักวิ่งหญิงชาวเคนยาอีกคน ก็ถูกรัดคอตาย
น.ส.โจน เชลิโม อดีตนักวิ่งสัญชาติแคนยา-โรมาเนีย ผู้ก่อตั้งองค์กร “Tirop’s Angels” เพื่อต่อสู้กับปัญหาความรุนแรงต่อสตรี กล่าวว่า นักกีฬาหญิงตกเป็นเหยื่อมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะการกระทำของพวกเธอสวนทางกับธรรมเนียมปฏิบัติในเคนยาที่ผู้หญิงต้องอยู่ในครัว ทำอาหารและเลี้ยงดูลูกเพียงเท่านั้น แต่ตอนนี้นักกีฬาหญิงเริ่มพึ่งพาตนเองได้ โดยเฉพาะเรื่องการเงิน
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc