เกิดเหตุน้ำท่วมในโมร็อกโก ซัดทำลายบ้านเรือนหลายสิบหลัง เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ศพ และยังมีผู้สูญหายอีก 9 ราย


ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในจังหวัดทางตอนใต้ของโมร็อกโก ทั้งจังหวัด ทาทา ทิสนิต และเออร์ราชิเดีย โดยมีรายงานบ้านเรือนถูกน้ำซัดเสียหาย 40 หลัง ถนนเสียหาย 93 สาย และยังส่งผลให้ระบบประปาไฟฟ้าและโทรศัพท์ขัดข้องในหลายหมู่บ้านด้วย ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 11 ศพ และยังสูญหายอีก 9 ราย

ด้านโฆษกกระทรวงมหาดไทยของโมร็อกโกระบุว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตล่าสุดยังอยู่ที่ 11 ศพ หลังจากมีพายุฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นใน 17 จังหวัด โดยในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้งหมด มี 7 รายเสียชีวิตในจังหวัดทาทา และอีก 2 รายเสียชีวิตในจังหวัดเออร์ราชิเดีย โดยหนึ่งในผู้เสียชีวิตเป็นชาวต่างชาติ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่าเป็นคนชาติใด โดยทางรัฐบาลกำลังเร่งกู้ระบบสื่อสาร และเข้าถึงพื้นที่น้ำท่วมเพื่อให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วนแล้ว

...

ลูสเซน ยูอับด์ โฆษกคณะกรรมการอุตุนิยมวิทยาทั่วไปของโมร็อกโก เปิดเผยว่าพื้นที่ทางตอนใต้ของโมร็อกโกได้รับผลกระทบจากมวลอากาศเขตร้อนที่มีความแปรปรวนอย่างยิ่ง นำไปสู่การก่อตัวของเมฆที่ไม่เสถียรและรุนแรง ซึ่งทำให้เกิดฝนตกหนักมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่เพียง 2 วันเกินค่าเฉลี่ยฝนที่ตกตลอดทั้งปีเลยทีเดียว

โดยในแคว้นวาร์ซาเซต มีปริมาณน้ำฝนมากถึง 47 มิลลิเมตรในเวลาเพียง 3 ชั่วโมง ในขณะที่เมืองทากูไนท์ ใกล้กับชายแดนแอลจีเรีย มีปริมาณฝนสะสมถึง 170 มิลลิเมตร

ล่าสุดประชาชนต่างหอบลูกเด็กเล็กแดง รวมทั้งผู้สูงอายุ และทรัพย์สินมีค่าติดตัวลุยน้ำท่วม เพื่อหนีขึ้นไปยังพื้นที่สูงแล้ว

ทั้งนี้ โมร็อกโกไม่ค่อยจะเจอกับฝนตกหนักบ่อยครั้งนัก แต่มักจะเผชิญกับความร้อนและแห้งแล้งมากกว่า โดยก่อนหน้านี้โมร็อกโกเผชิญกับความแห้งแล้งติดต่อกันมานานถึง 6 ปี ทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนลดลงเหลือไม่ถึง 28 เปอร์เซ็นต์ของความจุเขื่อนในช่วงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา.

ที่มา : France24

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ น้ำท่วม