บริษัทผู้บริหารร้านสะดวกซื้อ 7-11 ของญี่ปุ่น ปฏิเสธข้อเสนอของบริษัทคู่แข่งจากแคนาดา เพื่อซื้อกิจการมูลค่า 1.4 ล้านล้านบาท

บริษัท เซเวน แอนด์ ไอ โฮลดิงส์ (Seven & i Holdings) ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น เปิดเผยวันนี้ (6 ก.ย.)ว่า บริษัทได้ปฏิเสธข้อเสนอซื้อกิจการมูลค่า 38,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.27 ล้านล้านบาท) จากบริษัท เอลิเมนเทชัน คูช-ทาช (Alimentation Couche-Tard) ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกสัญชาติแคนาดา ซึ่งถือเป็นการซื้อกิจการของบริษัทญี่ปุ่นจากต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่มีมา

เซเวน แอนด์ ไอ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อ 7-11 กล่าวว่า ข้อเสนอการซื้อกิจการดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้น และมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับความท้าทายด้านกฎหมายต่อต้านการผูกขาดในสหรัฐฯ ซึ่งบริษัทที่ควบรวมกันแล้วจะกลายเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมร้านสะดวกซื้อ โดยมีส่วนต่างที่มากพอสมควร

เซเวน แอนด์ ไอ ซึ่งกล่าวเมื่อเดือนที่แล้วว่า ได้รับข้อเสนอจากคูช-ทาช เจ้าของร้านสะดวกซื้อ เซอร์เคิล เค (Circle K) โดยไม่ได้ระบุราคา เปิดเผยว่า ข้อเสนอดังกล่าวอยู่ที่ 14.86 ดอลลาร์ต่อหุ้น และกล่าวว่าบริษัทยินดีที่จะพิจารณาข้อเสนอใดๆ อย่างจริงใจ

แต่เซเวน แอนด์ ไอ ระบุในจดหมายที่ส่งถึงคูช-ทาช ว่า "จะต่อต้านข้อเสนอใดๆ ก็ตามที่ทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัท สูญเสียมูลค่าที่แท้จริงของบริษัท ซึ่งไม่ได้แก้ไขปัญหาด้านกฎระเบียบที่แท้จริงอย่างเฉพาะเจาะจง"

จดหมายที่ส่งโดยนายสตีเฟน ดาคัส ประธานคณะกรรมการพิเศษของกรรมการอิสระของเซเวน แอนด์ ไอ ซึ่งจัดตั้งขึ้นเพื่อพิจารณาข้อเสนอดังกล่าว ระบุว่า "ด้วยเหตุผลสำคัญหลายประการ เราไม่เชื่อว่าข้อเสนอดังกล่าวจะเป็นส่วนสำคัญให้เราเข้าร่วมในการอภิปรายอย่างมีสาระสำคัญ เกี่ยวกับธุรกรรมที่อาจเกิดขึ้นได้"

...

ด้านนายอเล็กซ์ มิลเลอร์ ซีอีโอคนใหม่ของคูช-ทาช กล่าวในการประชุมหลังการประกาศผลประกอบการเมื่อวันพฤหัสบดีว่า คูช-ทาช มั่นใจในความสามารถของบริษัทในการจัดหาเงินทุนและทำให้ข้อตกลงดังกล่าวเสร็จสมบูรณ์

ทั้งนี้ ข้อเสนอมูลค่า 1.27 ล้านล้านบาทของคูช-ทาช ถือเป็นข้อเสนอซื้อหุ้นด้วยเงินสดครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่ที่อีลอน มัสก์ซื้อกิจการทวิตเตอร์ ไปด้วยราคา 40,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.34 ล้านบาท) ในปี 2565

แม้ว่าเซเวน แอนด์ ไอ จะมีขนาดใหญ่กว่าคูช-ทาช ในแง่ของยอดขาย ร้านค้า และพนักงาน แต่หุ้นของบริษัทกลับมีผลงานต่ำกว่ามาตรฐานมาหลายปี ทำให้นักลงทุนแสดงความกังวลเกี่ยวกับการบริหารและโครงสร้างสินทรัพย์ของบริษัท

แม้จะถูกปฏิเสธ แต่ข้อเสนอของคูช-ทาช ก็ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดที่นักลงทุนตะวันตกเริ่มให้ความสนใจต่อบริษัทญี่ปุ่น

มูลค่าการเข้าซื้อกิจการของเซเวน แอนด์ ไอ จะทำลายสถิติการซื้อกิจการจากต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาในญี่ปุ่น ซึ่งก็คือการซื้อธุรกิจชิปหน่วยความจำของโตชิบา มูลค่า 18,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2561 โดยกลุ่มบริษัทที่นำโดยเบน แคปิทัล  (Bain Capital) หากข้อตกลงดังกล่าวบรรลุผลสำเร็จ จะทำให้คูช-ทาช ซึ่งมีมูลค่าทางการตลาดราว 52,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สามารถขยายการเข้าถึงทั่วโลก และเพิ่มความได้เปรียบของบริษัทด้านต้นทุนที่ถูกลง.

ที่มา Reuters

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign