เผยภาพดาวเคราะห์น้อย "2024 RW1" ปรากฏให้เห็นเป็นลูกไฟสว่างวาบเหนือน่านฟ้าฟิลิปปินส์ เมื่อคืนที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังถูกค้นพบเพียง 8 ชั่วโมงก่อนพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศโลก ไม่มีรายงานความเสียหาย

ดาวเคราะห์น้อยขนาดเล็กที่ไม่เป็นอันตราย ที่มีชื่อว่า "2024 RW1" พุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลกเหนือประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงบ่ายวันพุธ ก่อให้เกิดลูกไฟที่ส่องสว่างไปทั่วท้องฟ้า 

เว็บไซต์ NewScientist รายงานว่า ดาวเคราะห์น้อยพุ่งลงเหนือเกาะทางตอนเหนือสุดของหมู่เกาะฟิลิปปินส์ด้วยความเร็วประมาณ 17.6 กิโลเมตรต่อวินาที หรือ 63,360 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อนที่จะลุกไหม้ ด้านองค์การอวกาศยุโรป (อีเอสเอ) คาดการณ์เมื่อเช้าวันพุธว่าดาวเคราะห์น้อยขนาดประมาณ 90 ซม.ที่มีชื่อว่า 2024 RW1 จะแตกสลายใกล้เกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ ในเวลา 00.39 น. ตามเวลาท้องถิ่น

อีเอสเอ ระบุในโพสต์บน X ว่านี่เป็นเพียงดาวเคราะห์น้อยดวงที่ 9 ที่ถูกพบเห็นก่อนจะพุ่งสู่ชั้นบรรยากาศโลก "วัตถุดังกล่าวไม่เป็นอันตราย แต่ผู้คนในบริเวณนั้นอาจเห็นลูกไฟอันน่าตื่นตา!”

นอกจากนี้ องค์การนาซายังตั้งข้อสังเกตว่า ดาวเคราะห์น้อยจะส่งผลกระทบต่อบรรยากาศของโลกโดยไม่เป็นอันตราย และก่อให้เกิดลูกไฟนอกชายฝั่งตะวันออกทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ โดยผู้พบเห็นดาวเคราะห์น้อยส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณ จ.คากายัน ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอน โดยดาวเคราะห์น้อยได้เสียดสีกับชั้นบรรยากาศโลก เกิดการเผาไหม้เป็นลูกไฟเหนือท้องฟ้า ก่อนที่จะเผาไหม้จนหมดกลางอากาศ แต่ไม่มีรายงานความเสียหายหรืออันตรายต่อผู้คน

ดาวเคราะห์น้อย 2024 RW1 ค้นพบโดย แจคเกอลีน ฟาเซกาส จาก Catalina Sky Survey ซึ่งเป็นศูนย์สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์ ที่ได้รับทุนจากนาซา ซึ่งอยู่ใกล้เมืองทูซอน รัฐแอริโซนา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อติดตามวัตถุที่อยู่ใกล้โลก ได้ค้นพบหินจากอวกาศซึ่งเรียกว่า CAQTDL2

...

นอกจากนั้น ตามรายงานของ Virtual Telescope Project ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า นักสังเกตการณ์ท้องฟ้าจะสามารถมองเห็นดาวเคราะห์น้อย "2024 ON" ได้ในขณะที่มันโคจรผ่านโลกในระยะที่ใกล้โลกมาก แต่ยังคงปลอดภัย โดยดาวเคราะห์น้อยนี้มีขนาดกว้างอย่างน้อย 720 ฟุต หรือยาวประมาณสนามฟุตบอล 2 สนาม โดยจะมองเห็นได้จากแถบซีกโลกเหนือ

นาซาเผยว่าดาวเคราะห์น้อยเป็นเศษหินที่เหลืออยู่หลังจากระบบสุริยะก่อตัวขึ้นเมื่อ 4,600 ล้านปีก่อน.

ที่มา New York Post

อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign