คามาลา แฮร์ริส ให้สัมภาษณ์กับสื่อครั้งแรก หลังลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเธอชี้แจงเหตุผลที่เธอเปลี่ยนจุดยืนในเรื่องนโยบายสำคัญหลายอย่าง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 30 ส.ค. 2567 ว่า คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายทิม วอลซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา ให้สัมภาษณ์กับสื่อเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ทั้งคู่เข้าร่วมการแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยแฮร์ริสปกป้องเรื่องที่ตนเองเปลี่ยนความคิดในเรื่องปัญหาสำคัญหลายอย่าง

น.ส.ดานา แบช ผู้สื่อข่าวของ ซีเอ็นเอ็น ถามจี้แฮร์ริสว่า เหตุใดนโยบายเกี่ยวกับผู้อพยพและความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของเธอจึงเอียงไปในทางสายกลาง ไม่ยึดหลักการเสรีนิยมเหมือนตอนที่เธอลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปี 2562

“ฉันคิดว่าแง่มุมที่สำคัญและมีนัยสำคัญที่สุดในการตัดสินใจและทัศนคติเกี่ยวกับนโยบายของฉันคือ ค่านิยมของฉันไม่ได้เปลี่ยนไปเลย” แฮร์ริสบอกกับ น.ส.แบช พร้อมยกตัวอย่างเรื่องคำมั่นสัญญาของเธอเรื่องการับมือความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ

เมื่อถูกถามเรื่องที่เธอเปลี่ยนใจเรื่องการห้ามใช้วิธีการขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติที่เรียกว่า Hydraulic Fracturing หรือเรียกง่ายๆ ว่า “แฟรกกิ้ง” (Fracking) แฮร์ริสตอบว่า เธอมั่นใจว่าสามารถบรรลุเป้าหมายด้านสภาพอากาศของสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องแบนวิธีการนี้

อนึ่ง การ แฟรกกิ้ง เป็นการฉีดน้ำผสมสารเคมีและทรายจำนวนมหาศาลลงใต้ดินเพื่อทำให้เกิดรอยแตกในชั้นหิน เพื่อให้ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันที่ถูกเก็บกักอยู่ระหว่างชั้นจึงหลุดออกมา ซึ่งทั้งรวดเร็วและต้นทุนต่ำ แต่วิธีนี้ถูกนักอนุรักษ์โจมตีว่า สร้างความเสียหายต่อชั้นหินและสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง

...

ในประเด็นเรื่องผู้อพยพ แฮร์ริสเคยพูดในปี 2562 ว่าเธอต้องการให้ปิดศูนย์กักกันผู้อพยพเข้าเมือง และลดความเป็นอาชญากรรมของการเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมาย จนถึงฝ่ายรีพับลิกันซึ่งต่อต้านการรับผู้อพยพ หยิบยกมาโจมตีว่า เธอเป็นพวกนิยมวิธีการสุดโต่ง

แต่ตอนนี้เธอมีจุดยืนที่แข็งกร้าวขึ้นในเรื่องการควบคุมชายแดน โดยอ้างถึงตอนที่เธอดำเนินคดีองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติสมัยเป็นอัยการสูงสุดรัฐแคลิฟอร์เนีย ว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอเปลี่ยนไป

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา แฮร์ริสเป็นหนึ่งในผู้ที่สนับสนุนร่างกฎหมายความมั่นคงชายแดนฉบับใหม่ ซึ่งเดโมแครตกับรีพับลิกันช่วยกันร่าง ซึ่งจะมีการทุ่มงบประมาณหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนเพิ่มเติมด้วย

นอกจากนั้น แฮร์ริสบอกด้วยว่า การเดินทางทั่วประเทศของเธอในฐานะรองประธานาธิบดี ทำให้เธอเชื่อเรื่องการสร้างฉันทามติ และเธออาจเลือกสมาชิกพรรครีพับลิกันเข้าร่วมในคณะรัฐมนตรีของเธอ เพื่อทำตามสัญญาที่จะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน

“ฉันใช้เวลาตลอดการทำงานที่ผ่านมาเชื้อเชิญความคิดเห็นที่หลากหลาย ฉันคิดว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีคนที่มีมุมมองแตกต่างกันเข้าร่วมด้วย เมื่อมีการตัดสินใจเรื่องสำคัญมากที่สุดบางอย่าง ”

น.ส.แบชยังถามแฮร์ริสเกี่ยวกับสงครามในฉนวนกาซา โดยรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ย้ำจุดยืนของทำเนียบขาวว่า ทั้งอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ต้องทำข้อตกลงหยุดยิง และชาวปาเลสไตน์สมควรมีประเทศของตัวเองเป็นเพื่อนบ้านของอิสราเอล “สงครามนี้ต้องจบลง และเราต้องได้ข้อตกลงที่จะพาตัวประกันกลับมา”

อย่างไรก็ตาม แม้จะเน้นย้ำความสำคัญของข้อตกลง แต่แฮร์ริสไม่ได้พูดเจาะจงว่าจะทำให้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร และไม่คิดจะจำกัดการส่งอาวุธให้อิสราเอล ตามที่สมาชิกเดโมแครตบางกลุ่มเรียกร้องด้วย

อีกประเด็นที่ได้รับความสนใจในสหรัฐฯ คือเรื่องที่นายทรัมป์โจมตีเชื้อชาติแฮร์ริสว่า ไม่ใช่คนดำจริงๆ แต่สวมเป็นคนดำเพื่อเป้าหมายทางการเมือง ซึ่ง น.ส.แบชก็ยกเรื่องนี้มาถามรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ด้วย แต่เธอไม่คิดจะเต้นไปตามคำยั่วยุของนายทรัมป์ และตอบด้วยประโยคสั้นๆ ว่า “วิธีการน่าเบื่อเดิมๆ ขอคำถามต่อไปค่ะ”

แฮร์ริส ซึ่งเป็นลูกของพ่อแม่ชาวจาเมกาและอินเดีย กล่าวในตอนหลังของการสัมภาษณ์ด้วยว่า เธอเชื่อว่าเธอคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดที่จะเป็นประธานาธิบดีของชาวอเมริกันทุกคน ไม่ว่าจะเชื้อชาติหรือเพศใด

ด้านนายวอลซ์ ซึ่งมาร่วมให้สัมภาษณ์ในครั้งนี้ด้วย โดนจี้ถามให้ชี้แจงเรื่องที่เขาเคยพูดว่า เขาแบกปืนไรเฟิลจู่โจมในสงคราม ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว เขาไม่เคยเข้าสู่เขตสงครามเลย

นายวอลซ์กล่าวว่า ตอนนั้นเขามีอารมณ์ร่วมไปด้วยและพูดด้วยความกระตือรือร้อน เกี่ยวกับปัญหาการก่ออาชญากรรมด้วยอาวุธปืนในโรงเรียน ทำให้เกิดถ้อยคำที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

และความกระตือรือร้นดังกล่าวยังเป็นเหตุผลที่เขาพูดผิดว่าภรรยาของเขาต้องทำเด็กหลอดแก้วเพื่อมีลูก ทั้งที่ในความเป็นจริงเธอใช้วิธี IUI (Intrauterine Insemination) หรือ การฉีดน้ำเชื้อเข้าโพรงมดลูก “ผมพูดเกี่ยวกับปัญหาการมีบุตรยากของเราก็เพราะ มันคือนรก และครอบครัวทั้งหลายต่างรู้ดี”

ในตอนท้าย แฮร์ริสมีแถลงการณ์ร่วมกับนายวอลซ์ โดยให้คำมั่นว่าจะพาสหรัฐฯ ก้าวไปข้างหน้าจากยุคสมัยที่มีแต่การใช้วาทกรรมแบ่งแยกของโดนัลด์ ทรัมป์

ด้าน โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ระบุผ่าน Truth Social เครือข่ายสังคมออนไลน์ของเขาเองว่า การสัมภาษณ์ของแฮร์ริสนั้น “น่าเบื่อ” และโจมตีแฮร์ริสว่าเป็นคนหลอกลวง

...

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc