นายพาเวล ดูรอฟ มหาเศรษฐี ซีอีโอและผู้ก่อตั้งร่วมของแอปพลิเคชันส่งข้อความ "เทเลแกรม" ถูกจับกุมที่สนามบินบูร์เกต์ นอกกรุงปารีส เมื่อเย็นวันเสาร์ 

สถานีโทรทัศน์ TF1 TV ของฝรั่งเศส รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ไม่เปิดเผยชื่อว่า นายพาเวล ดูรอฟ มหาเศรษฐี ซีอีโอและผู้ก่อตั้งร่วมของแอปพลิเคชันส่งข้อความ "เทเลแกรม" ถูกจับกุมที่สนามบินบูร์เกต์ นอกกรุงปารีส เมื่อเย็นวันเสาร์ (24 ส.ค.)

TF1 ระบุบนเว็บไซต์ว่า นายดูรอฟกำลังเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวของเขา และเสริมว่าเขาตกเป็นเป้าหมายของหมายจับในฝรั่งเศส คาดว่าซีอีโอเทเลแกรมวัย 39 ปีรายนี้ เดินทางมาจากประเทศอาเซอร์ไบจาน และถูกจับกุมเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่านายดูรอฟจะต้องขึ้นศาลในวันนี้ (25 ส.ค.)

สถานีโทรทัศน์ TF1 TV และ BFM TV รายงานว่า ตำรวจฝรั่งเศสกำลังสืบสวนเรื่องความบกพร่องในการควบคุมดูแลการใช้แอป เทเลแกรม ซึ่งตำรวจเชื่อว่าสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้เกิดการกระทำผิดกฎหมายบนแอปพลิเคชันนี้โดยไม่มีการขัดขวาง

นักธุรกิจที่เกิดในรัสเซียรายนี้อาศัยอยู่ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่ของเทเลแกรม โดยนายดูรอฟถือ 2 สัญชาติ คือฝรั่งเศสและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

นายดูรอฟ ซึ่งนิตยสารฟอร์บส์ประเมินว่ามีทรัพย์สินมูลค่า 15,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 526,325 ล้านบาท ออกจากรัสเซียในปี 2014 หลังจากที่เขาปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อเรียกร้องให้ปิดชุมชนของกลุ่มฝ่ายค้านบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย VK ของเขา ซึ่งปัจจุบันได้ขายออกไปแล้ว

ด้านสถานทูตรัสเซียในฝรั่งเศสกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อชี้แจงสถานการณ์ดังกล่าว ส่วนสำนักข่าวทาสส์ของรัสเซีย อ้างคำกล่าวของตัวแทนจากสถานทูตรัสเซียในฝรั่งเศสว่า ทีมงานของนายดูรอฟไม่ได้ทำการร้องเรียนไปยังสถานทูต แต่กำลังดำเนินการขั้นตอนต่างๆ อย่างเร่งด่วน

...

นายดูรอฟ และ นายนิโคไล น้องชายของเขา ก่อตั้งแอปฯ ส่งข้อความเทเลแกรมในปี 2013 และมีผู้ใช้งานอยู่ประมาณ 900 ล้านคน

เทเลแกรม ให้บริการส่งข้อความแบบเข้ารหัสแบบครบวงจร และผู้ใช้ยังสามารถตั้งค่า "ช่องทาง" เพื่อเผยแพร่ข้อมูลอย่างรวดเร็วให้กับผู้ติดตามได้อีกด้วย โดยได้รับความนิยมอย่างมากในรัสเซีย ยูเครน และหลายประเทศที่เคยอยู่ในอดีตสหภาพโซเวียต แอปฯ นี้ถูกแบนในรัสเซียในปี 2018 หลังจากที่นายดูรอฟปฏิเสธที่จะส่งมอบข้อมูลผู้ใช้ให้กับทางการ แต่คำสั่งแบนถูกยกเลิกในปี 2021.

ที่มา The Guardian

อ่านข่าวต่างประเทศเพิ่มเติม https://www.thairath.co.th/news/foreign