ชาวเอธิโอเปียจำนวนนับแสนคนร่วมลงนามในคำร้อง ขอให้ทางการเพิ่มบทลงโทษแก่คนร้ายคดีข่มขืนและฆาตกรรม เด็กหญิงวัยเพียง 7 ขวบ เนื่องจากพวกเขามองว่าคำตัดสินของศาลเบาเกินไป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คดีการข่มขืนและฆาตกรรมเด็กหญิงวัยเพียง 7 ขวบอย่างโหดเหี้ยมซึ่งเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีก่อน กลับมาเป็นประเด็นในสังคมของประเทศเอธิโอเปียอีกครั้ง หลังจากคนร้ายยื่นอุทธรณ์โทษจำคุกที่เขาได้รับเพียง 25 ปี ทำให้เกิดกระแสความไม่พอใจไปทั่วประเทศ เพราะหลายคนมองว่าโทษดังกล่าวนั้น เบาเกินไป

การพิจารณาคดีของนายเกทเนท บาเย (Getnet Baye) คนร้ายซึ่งเป็นเจ้าของบ้านที่แม่เด็กหญิงวัย 7 ขวบเช่าอยู่ ถูกเลื่อนออกไปจนถึงเดือนตุลาคม

ขณะเดียวกัน มีประชาชนมากกว่า 200,000 คนร่วมกันลงนามในคำร้องออนไลน์ เพื่อเรียกร้องให้มีการทบทวนบทลงโทษที่นายเกทเนทได้รับ ให้สะท้อนกับความรุนแรงของการกระทำผิด และแสดงการสนับสนุนแก่แม่ของเด็กที่เสียชีวิต

สมาคมนักกฎหมายเพื่อสตรีแห่งเอธิโอเปีย หนึ่งในองค์กรสนับสนุนสิทธิสตรีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศ ออกแถลงการณ์ระบุว่า พวกเขาชื่อว่าโทษที่นายเกทเนทได้รับนั้น “เบามาก” และเสริมว่า “แค่การฆาตกรรมเพียงอย่างเดียว ก็ควรทำให้เขารับโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิตแล้ว และมันน่าเจ็บแค้นและไม่สบายใจเป็นพิเศษ เมื่อเป็นการกระทำผิดต่อเด็กอย่างน่าหวาดกลัวเช่นนี้”

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลหลายคนก็ออกมาร่วมวิพากษ์วิจารณ์ โดย น.ส.เออร์โกเก เทสฟาเย รัฐมนตรีกระทรวงกิจการสังคมและสตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กของเธอว่า อาชญากรรมที่กระทำต่อเด็กหญิงรายนี้ ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์กระทำกัน และว่าสำนักงานของเธอจะติดตามคดีจนถึงที่สุด

ทั้งนี้ เด็กหญิงผู้เคราะห์ร้าย ได้รับการเปิดเผยว่าชื่อ เฮฟเว่น อาวอต (Heaven Awot) ครอบครัวแตกแยกเพราะสงคราม พ่อของเธอซึ่งเป็นชนพื้นเมืองชาวทิเกรย์ ถูกจำคุกนานหลายเดือนตอนที่สงครามในภูมิภาคทิเกรย์รุนแรงถึงขีดสุด พอได้รับการปล่อยตัว เขาก็ตัดสินใจไปจากเขตอัมฮารา เพราะเขารู้สึกว่าชาวเมืองยังคงสงสัยในตัวเขาผู้เป็นชาวทิเกรย์

...

นั่นทำให้ น.ส.อาเบคเยเลช (Abekyelesh) พยาบาลสาวและแม่ของหนูน้อยเฮฟเว่น ต้องเลี้ยงดูเธอกับน้องสาวเพียงลำพัง

อาเบคเยเลชสนิทกับนายเกทเนท เจ้าของบ้านเช่า ซึ่งอาศัยอยู่ในละแวกเดียวกันกับครอบครัวของเธอ ที่เมืองบาเฮียร์ ดาร์ (Bahir Dar) และเธอยังเป็นญาติกับภรรยาของนายเกทเนท เธอจึงไม่เคยนึกฝันว่า ชายคนนี้จะก่อเรื่องเลวร้ายกับลูกสาวของเธอ

ในวันเหตุเมื่อเดือนสิงหาคม 2566 อาเบคเยเลชอยู่ที่ทำงาน ส่วนเฮฟเว่นอยู่กับน้าที่บ้าน ช่วงหนึ่ง เฮฟเว่นบอกกับน้าว่าเธอจะไปเข้าห้องน้ำ แต่เด็กหญิงวัย 7 ขวบก็ไม่กลับมาอีกเลย ผู้เป็นน้าพยายามตามหาแต่ก็ไม่พบตัว เธอจึงคิดว่า เกทเนทเป็นคนลักพาตัวเฮฟเว่นไป

ต่อมาในวันเดียวกัน ชิ้นส่วนศพของเฮฟเว่นก็ถูกพบที่หน้าบ้านของเธอ โดยมีร่องรอยชัดเจนว่าเธอถูกรัดคอ ซึ่ง น.ส.อาเบคเยเลช บอกกับสำนักข่าวบีบีซี ว่า เธอเชื่อว่าคนร้ายนำร่างของลูกสาวมาทิ้งไว้ที่นั่น “หากลูกๆ ของเราไม่ปลอดภัยแม้แต่ในบ้านตัวเอง เราจะไปที่ไหนได้อีก? เราควรหยุดทำงานและใช้เวลาทั้งหมดกับพวกเขาเลยไหม? แล้วเราจะหาเลี้ยงพวกเขาอย่างไร?”

นายเกทเนทถูกจับกุมตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่การต่อสู้ระหว่างกองทัพเขตอัมฮารากับนักรบติดอาวุธ เกิดขึ้นที่สถานีตำรวจที่นายเกทเนทถูกคุมขังอยู่ ทำให้เขาหลบหนีออกมาได้สำเร็จ ส่งผลให้ อาเบคเยเลชต้องหนีไปซ่อนตัว เพราะกลัวว่าชายคนนี้จะมาทำร้ายเธอกับลูกน้อยที่เหลืออีก 1 คน

ข่าวระบุว่า นายเกทเนทพกปืนตามหา น.ส.อาเบคเยเลชไปทั่ว และตำรวจก็ตามจับกุมตัวเขาไม่ได้นานเกือบ 1 เดือน จน น.ส.อาเบคเยเลชต้องเข้าวิงวอนต่อเจ้าหน้าที่ ให้ตามจับกุมตัวเขา

การทำงานของเจ้าหน้าที่ทำให้ น.ส.อาเบคเยเลช รู้สึกไม่ปลอดภัย และคำตัดสินของศาลก็ทำให้เธอรู้สึกผิดหวัง เพราะเธอไม่เชื่อว่าโทษจำคุก 25 ปีจะเพียงพอสำหรับนายเกทเนท แต่เธอกลัวว่าเขาจะชนะอุทธรณ์ และได้ออกจากคุกก่อนกำหนดมากกว่า “ฉันเสียเฮฟเว่นไปแล้ว ฉันไร้ชีวิตแล้ว” เธอบอกกับบีบีซี

แต่ในฐานะบุคลากรทางการแพทย์ น.ส.อาเบคเยเลชยอมรับว่า เธอรู้ดีว่ามีผู้หญิงและเด็กสาวอีกมาก ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ “ฉันรู้ดีว่ามีคนแบบเฮฟเว่นอีกมากมายเหลือเกิน”

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : bbc