เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เผยพบศพหญิงวัย 57 ปี รายหนึ่งที่ระบบสายพานลำเลียงสัมภาระ ในสนามบินชิคาโก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป

เจ้าหน้าที่สำนักงานดับเพลิงนครชิคาโกของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุ เมื่อเวลาประมาณ 07.45 น. ของวันพฤหัสบดี (8 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น ว่าพบศพของหญิงรายหนึ่งติดอยู่ในเครื่องจักรในระบบสายพานลำเลียงสัมภาระ ของอาคารผู้โดยสารแห่งที่ 5 ของท่าอากาศยานนานาชาติโอแฮร์

ตำรวจระบุว่า หญิงรายดังกล่าวอายุ 57 ปี แต่ยังไม่ได้เปิดเผยชื่อ อย่างไรก็ตาม ห้องสัมภาระดังกล่าวเป็นสถานที่ปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่อนุญาตให้บุคคลทั่วไปเข้าไปได้ และไม่ชัดเจนว่าเธอเข้าไปอยู่ในห้องนั้นได้อย่างไร ด้าน นายสก็อตต์ อัลเลน โฆษกของกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ กล่าวว่า เจ้าหน้าที่จากสำนักงานความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ได้เข้าไปยังสถานที่เกิดเหตุ และได้ทราบว่าหญิงคนดังกล่าวไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน

ทั้งนี้ พื้นที่ดังกล่าวของอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ เต็มไปด้วยสายพานลำเลียงที่ใช้สำหรับขนสัมภาระขึ้นลงเครื่องบิน โดยกระเป๋าสัมภาระในบริเวณนี้ยังต้องผ่านศุลกากรด้วย

เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ส่งมอบหน้าที่การตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุให้กับเจ้าหน้าที่สืบสวนของตำรวจ แต่ไม่สามารถให้รายละเอียดเพิ่มเติมได้ สำนักงานสื่อสารของสำนักงานตำรวจชิคาโก กล่าวว่าพบหญิงคนดังกล่าวหมดสติและเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สืบสวนได้เริ่มการสอบสวนแล้ว

สำนักงานสื่อสารของตำรวจกล่าวในตอนแรกว่า พบหญิงคนดังกล่าวเมื่อเวลา 02.27 น. ทำให้เกิดความสับสนว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ดับเพลิงและแพทย์ฉุกเฉินจึงมาถึงช้ากว่า 5 ชั่วโมง

หลังจากตรวจสอบเวลากับสำนักงานตำรวจแล้ว เจ้าหน้าที่กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่าภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นหญิงคนดังกล่าวเดินเข้าไปในห้องเก็บสัมภาระเมื่อเวลา 02.27 น. สำนักงานสื่อสารได้ออกแถลงการณ์ฉบับที่สองเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีว่า ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าหญิงคนดังกล่าวเข้ามาในห้องเมื่อเวลา 02.27 น. จริง และเธอถูกพบเมื่อเวลา 07.30 น. ทำให้ต้องโทรแจ้งหมายเลขฉุกเฉิน 911

...

ภาพจากกล้องวงจรปิดแสดงให้เห็นเพียงว่า เธอกำลังเดิน และไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีสิ่งอื่นที่เกิดขึ้นกับเธอ นายนาธาเนียล แบล็กแมน โฆษกตำรวจชี้แจงว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าดูกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ และพนักงานสอบสวนได้ตรวจสอบภาพหลังจากพบศพแล้ว.

ที่มา The Guardian

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign