ระหว่างการสำรวจทางโบราณคดีในปี พ.ศ.2478 ที่ใต้สุสานของสถาปนิกที่รู้จักกันในชื่อ เซนมุต ในเมืองเดียร์ อัล บาห์รี ใกล้กับเมืองลักซอร์ ของอียิปต์ นักโบราณคดีได้ค้นพบมัมมี่หญิงในโลงไม้ อยู่ในท่วงท่าเหยียดขาทั้ง 2 ข้าง พับแขนไว้เหนือขาหนีบ ศีรษะสวมวิกผมสีดำที่ทำจากเส้นใยต้นอินทผลัมที่ผ่านกระบวนการรักษาด้วยแร่ควอตซ์ แมกนีไทต์ และคริสตัลอัลไบต์ นิ้วนางข้างซ้ายสวมแหวนทองคำและเงิน 2 วง

ที่น่าสนใจก็คือใบหน้าของมัมมี่ตนนี้ แสดงความเจ็บปวดจนทำให้นักโบราณคดีและนักวิทยาศาสตร์สับสนมานาน 90 ปีว่าทำไมมัมมี่ถึงมีใบหน้าแบบนั้น หรืออาจเป็นเพราะการทำศพไม่ดี ทว่าเมื่อเร็วๆนี้ ความลึกลับที่ว่าทำไม มัมมี่อียิปต์ที่มีชื่อเล่นว่า Screa ming Woman หรือ “มัมมี่กรีดร้อง” จึงมีสีหน้าเจ็บปวด อาจถูกไขวามลับแล้ว เมื่อมีการเสนอทฤษฎีใหม่ขึ้นมา จากการวิเคราะห์ใหม่ด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิว เตอร์ ทำการ “ผ่าตัดแบบเสมือนจริง” ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยไคโร ในอียิปต์ ชี้ให้เห็นว่ามัมมี่ตนนี้เสียชีวิตด้วยการกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดเมื่อราว 3,000 ปีก่อน ยังพบว่าฟันหักหลายซี่ มีอาการ อักเสบบริเวณกระดูกสันหลังเล็กน้อย เส้นผมจริงของเธอถูกย้อมด้วยเฮนน่าและจูนิเปอร์ และน่าจะสูงประ มาณ 152 เซนติเมตร เสียชีวิตเมื่ออายุ 48 ปี

...

ผู้เชี่ยวชาญ เชื่อว่าเธออาจประสบกับอาการหายาก คือกล้ามเนื้อเกร็งในขณะเสียชีวิต ทำให้กล้ามเนื้อของเธอเกร็งและรู้สึกทรมานไปชั่วกัลปาวสาน แม้สาเหตุการเสียชีวิตยังเป็นปริศนา แต่อาการกล้ามเนื้อเกร็งขณะเสียชีวิต มักเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตอย่างรุนแรงภายใต้สภาวะทางกายภาพที่รุนแรงและอารมณ์ที่รุนแรง.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่