ผู้อ่านท่านผู้เจริญที่ดูข่าวปูตินไปรับนักโทษด้วยตัวเองที่สนามบิน จะเห็นว่าคนที่เดินลงมาจากเครื่องบินคนแรกใส่เสื้อคลุมอาดิดาสและใส่หมวก ท่านผู้นี้นี่แหละครับ คือ วาดิม กราซิคอฟ

20 ปีที่แล้ว พ่อพาพี่ชายคนโต (เนติภูมิ มิ่งรุจิราลัย) ไปตระเวนทุกตรอกซอกมุมในจอร์เจีย สมัยนั้นจอร์เจียเพิ่งเปลี่ยนตัวเอง จากอดีตสาธารณรัฐของสหภาพโซเวียตไปเป็นคอหอยกะลูกกระเดือกกับสหรัฐฯ ถึงขนาดเปลี่ยนชื่อถนนสายหลักของกรุงทบิลิซีจากถนนสหภาพโซเวียตไปเป็นชื่อถนนจอร์จ ดับเบิลยู บุช

มุสลิมจอร์เจียเชื้อสายเชชเนียคนหนึ่งซึ่งโปรตะวันตกสุดลิ่มทิ่มประตู ชื่อซาลิมข่าน คานโกชวิลี ไอ้คนนี้มีส่วนร่วมในสงครามรัสเซีย-เชชเนีย เคยเป็นกองโจรในสงครามรัสเซีย-จอร์เจีย เคยจับตัวประกันและฆ่าเจ้าหน้าที่หน่วยงานปราบจลาจล เมื่อจับเชลยได้ ไอ้ซาลิมข่านก็จะมัดเชลยให้นอนเรียงกันบนพื้น ขับรถเหยียบหัวเชลยรัสเซียที่นอนเรียงอยู่บนพื้นด้วยตัวของแกเอง มีการยืนยันว่าไอ้ซาลิมข่านฆ่าชาวรัสเซียไปไม่น้อยกว่า 200 คน

ซาลิมข่านไปอยู่สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ปิดบังตัวเองอย่าง เงียบเชียบ แต่ก็ไม่พ้นการสืบสวนหาข่าว (โดยทางการหรือเป็นความ สมัครใจส่วนตัว ผมไม่ทราบ) ของชาวรัสเซียคนหนึ่งซึ่งมีชื่อว่า วาดิม กราซิคอฟ (ในพาสปอร์ตใช้ชื่อปลอมว่า วาดิม โซโกลอฟ) บินไปเยอรมนีและใช้ปืนเจาะกะโหลกไอ้ซาลิมข่านจนตายกลายเป็นผีคาแผ่นดินเยอรมนี กล้องวงจรปิดทำให้ทางการเยอรมันจับกราซิคอฟได้ ศาลเยอรมันตัดสินจำคุกกราซิคอฟตลอดชีวิต

กราซิคอฟสังกัดหน่วยขนาดเล็กหน่วยหนึ่งซึ่งอยู่ใน FSB (ยุคสหภาพโซเวียตก็คือ KGB) ชื่อหน่วยวิมเปล หน้าที่ของหน่วยวิมเปลก็คือไปปฏิบัติการพิเศษในต่างประเทศ และป้องกันสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในต่างประเทศเฉพาะกรณีที่มีเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ชุมนุม ก่อการประท้วง ฯลฯ

...

เรื่องการปกป้องสถานเอกอัครราชทูตรัสเซียในต่างประเทศนี่ ผมขอขยายความหน่อย ว่าเป็นเรื่องที่คนทั่วไปไม่ค่อยทราบว่าทางการรัสเซียมีหน่วยตระเวนชายแดนที่ไปปฏิบัติงานประจำอยู่ทุกสถานทูตอยู่แล้ว ต่างกันตรงที่วิมเปลถูกส่งไปปฏิบัติงานชั่วคราว

เมื่อโดนจับและศาลตัดสินลงโทษประหารชีวิตแล้ว ทางการเยอรมนีก็ใช้กรณีของกราซิคอฟโจมตีรัสเซียมาตลอด ว่าส่งคนมาทำการฆาตกรรมในดินแดนของเยอรมนีอย่างอุกอาจ การแลกตัวประกันในครั้งนี้ โอลัฟ ช็อลทซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี ออกมายอมรับว่า อ้า เอ้อ นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากมาก ตามความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ ผมคิดว่าเยอรมนีไม่อยากแลกตัวนักโทษ แต่จำเป็นต้องทำเพราะเจ้านายสหรัฐฯสั่งมา

ในโลกนี้มีเรื่องลึกลับซับซ้อนมากกว่าที่เป็นข่าวที่เราเห็นกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน การอยู่รอดปลอดภัยของชาติมหาอำนาจคือต้องรู้เขา รู้เรา ชาติมหาอำนาจจึงต้องส่งสายลับไปอยู่ในทุกตรอกซอกมุมของโลก เพื่อปกป้องคนและผลประโยชน์ของประเทศตัวเอง

อย่างในเมืองไทยสมัยก่อน พื้นที่ที่มีการเคลื่อนไหวทางการข่าวกรองมากที่สุดแห่งหนึ่งคือบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหง ซีไอเอ มาตั้งกลุ่มการเมืองในมหาวิทยาลัย มีสำนักงานและบ้านพักอยู่ในหมู่บ้านแฮปปี้แลนด์ พรรคคอมมิวนิสต์โซเวียต พรรคคอมมิวนิสต์จีน หรือแม้แต่หน่วยงานราชการของไทย ต่างต้องมาตั้งกลุ่มของตนเองเพื่อปฏิบัติการจิตวิทยาสู้กันในพื้นที่ของมหาวิทยาลัยรามคำแหงทั้งสิ้น

อดีตเอกอัครราชทูตโซเวียตประจำไทยสมัยก่อน ไปบริเวณมหาวิทยาลัยรามคำแหงบ่อยครั้ง แม้แต่ทำเนียบทูต (บ้านพักเอกอัครราชทูต) โซเวียตและรัสเซียบางยุค ก็ยังไปตั้งอยู่ในซอยนวศรี รามคำแหง กรุงเทพฯ

สำนักงานสำคัญของสายลับโซเวียตสมัยก่อนตอนโน้นคือซอยสวนพลู ส่วนการประชุมของพวกสายลับโซเวียตสมัยก่อนทำกันในร้านขายหนังสือที่สยามสแควร์

เรื่องต่างๆอย่างนี้ ปัจจุบันไม่จำเป็นแล้ว ปัจจุบันโลกเราเข้าสู่ยุคไซเบอร์ ทำเอาสายเลอะสายลับรุ่นเก่าตกงานกันเป็นแถว

ยกเว้นเรื่องการออกไปล่าฆ่าล้างแค้นในต่างแดนอย่างสุดหล้าฟ้าเขียว ยังต้องใช้สายลับยุคเก่าที่หน้าตาขึ้นรา มีหยากไย่ใยแมงมุมขยุมเต็มหน้า ไปดำเนินการ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ "เปิดฟ้าส่องโลก" เพิ่มเติม