• เหตุสะเทือนขวัญคนร้ายใช้อาวุธมีดไล่แทงผู้คนระหว่างคลาสสอนเต้นรำ ในเมืองเซาท์พอร์ท จนทำให้เด็กเสียชีวิต 3 คน เป็นเหตุอาชญากรรมล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธมีดในอังกฤษ หลังจากที่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เพิ่งมีการเปิดเผยข้อมูลว่าสถิติการก่ออาชญากรรมโดยการใช้มีดในอังกฤษเพิ่มสูงขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ โดยการปล้นที่ใช้มีดเป็นอาวุธก็เพิ่มขึ้นถึง 13 เปอร์เซ็นต์
  • ที่น่าสลดใจไปกว่านั้นก็คือ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่งเกิดเหตุ เด็กชายอายุ 15 ปี ถูกแทงจนเสียชีวิตในกรุงลอนดอน ก่อนที่จะมาถึงเหตุไล่แทงในคลาสสอนเต้นที่เหยื่อเป็นเพียงเด็กอายุไม่เกิน 10 ขวบซ้ำรอยอีก
  • ตัวเลขล่าสุดของอังกฤษ และเวลส์ ยังพบด้วยว่าการฆาตกรรมที่มีการใช้มีดมาเกี่ยวข้องอยู่ที่ 233 ครั้ง จนถึงเดือนมีนาคมปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่อยู่ที่ 226 ครั้ง แต่ก็ยังนับว่าต่ำกว่าการก่อเหตุในช่วงก่อนการระบาดของโควิดที่อยู่ที่ 253 ครั้งในช่วงปี 2019-2020

 

เหตุการณ์สุดสะเทือนขวัญที่คนร้ายใช้อาวุธไล่แทงเด็กในคลาสเรียนเต้นอังกฤษที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ในย่านฮาร์ตสตรีท เมืองเซาท์พอร์ท ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองลิเวอร์พูลไปทางเหนือประมาณ 30 กิโลเมตร จนทำให้เด็กเสียชีวิต 3 ศพ และบาดเจ็บอีก 10 ราย แม้ว่าในที่สุดตำรวจจะสามารถจับกุมคนร้ายซึ่งเป็นวัยรุ่นชายวัย 17 ปีไว้ได้ แต่ก็นำมาสู่คำถามสำคัญว่า เพราะเหตุใดจึงเกิดเหตุอาชญากรรมอุกอาจเช่นนี้ และทำไมการก่อเหตุอาชญากรรมด้วยอาวุธมีดจึงเพิ่มสูงขึ้นในอังกฤษ

...

โดยเมื่อสัปดาห์ก่อน สำนักข่าว ดิ อินดิเพนเดนซ์ เพิ่งเปิดเผยข้อมูลว่าสถิติการก่ออาชญากรรมโดยการใช้มีดในอังกฤษและเวลส์เพิ่มสูงขึ้น 4 เปอร์เซ็นต์ โดยการปล้นที่ใช้มีดเป็นอาวุธก็เพิ่มขึ้นถึง 13 เปอร์เซ็นต์

ตัวเลขล่าสุดที่มีการบันทึกไว้โดยตำรวจของอังกฤษและเวลส์ยังพบด้วยว่าการฆาตกรรมที่มีการใช้มีดมาเกี่ยวข้องอยู่ที่ 233 ครั้ง จนถึงเดือนมีนาคมปี 2024 ซึ่งเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากปีก่อนที่อยู่ที่ 226 ครั้ง แต่ก็ยังนับว่าต่ำกว่าการก่อเหตุในช่วงก่อนการระบาดของโควิดที่อยู่ที่ 253 ครั้งในช่วงปี 2019-2020

โดยการเปิดเผยตัวเลขครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่เพิ่งเกิดเหตุ เด็กชายอายุ 15 ปีถูกแทงจนเสียชีวิตในกรุงลอนดอน เพียง 1 สัปดาห์เท่านั้น

นอกจากนี้เรื่องของสถิติการก่อเหตุขโมยของในร้านค้าเพิ่มสูงขึ้นทุบสถิติในรอบ 20 ปีเลยทีเดียว โดยตามตัวเลขของสำนักงานสถิติแห่งชาติ กองกำลังตำรวจทั่วอังกฤษ และเวลส์ บันทึกการกระทำความผิด 50,510 ครั้งระหว่างปี 2023-2024 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ที่มีการกระทำผิด 48,409 ครั้ง

หลังจากที่มีการเปิดเผยตัวเลขนี้ออกมาเยฟตี้ คูเปอร์ รัฐมนตรีมหาดไทยของอังกฤษ ได้ออกมาประณามรัฐบาลก่อนหน้าภายใต้การนำของพรรคอนุรักษนิยม ที่บกพร่องในการบังคับใช้กฎหมาย โดยเธอระบุว่า พรรคแรงงานไม่สามารถทนต่อสถานการณ์แบบนี้ได้อีกต่อไป โดยจะต้องผลักดันให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไปทำหน้าที่ปกป้องชุมชน และบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดต่อการป้องกันและปราบปรามการก่ออาชญากรรมด้วยมีด รวมถึงการขโมยของตามร้านค้า และทำร้ายพนักงาน เพื่อนำความสงบสุขกลับคืนสู่ชุมชนอีกครั้งซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของรัฐบาลชุดนี้

สำหรับเหตุแทงกันล่าสุดที่เกิดขึ้นในเซาท์พอร์ท เมืองชายทะเลทางตะวันตกเฉียงเหนือของอังกฤษครั้งนี้เกิดขึ้นภายในงานอีเวนต์ของคลาสเรียนโยคะและคลาสเต้นธีม เทย์เลอร์ สวิฟต์ สำหรับเด็กๆ อายุตั้งแต่ 6-11 ปี โดยเด็กที่เสียชีวิตในวันจันทร์มี 2 คน อายุ 6 และ 7 ปี ส่วนเด็กหญิงคนที่ 3 ที่บาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในวันถัดมาเป็นเด็กหญิงอายุ 9 ปี  นอกจากนี้ยังมีเด็กบาดเจ็บอีก 8 คน ในจำนวนนี้มี 5 คนที่อาการสาหัส และมีผู้ใหญ่ได้รับบาดเจ็บอีก 2 คน จากการพยายามเข้าไปช่วยปกป้องเด็ก โดยอาการสาหัสทั้งคู่

ขณะที่ข้อมูลของคนร้ายรายนี้ ตำรวจเปิดเผยว่า ผู้ต้องสงสัยเป็นเด็กวัยรุ่นชายอายุ 17 ปี จากแลนคาเชียร์ ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุไปราว 8 กิโลเมตร แต่ยังไม่มีการเปิดเผยแรงจูงใจในการก่อเหตุครั้งนี้แต่อย่างใด โดยตำรวจระบุเพียงว่าไม่ใช่การก่อการร้าย

ด้านกษัตริย์ชาร์ลส์ ตรัสว่า การโจมตีดังกล่าว เป็นเรื่องน่ากลัวอย่างยิ่ง พร้อมทรงแสดงความเสียพระทัย และจะทรงสวดอ้อนวอนให้แก่เหยื่อ เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ของอังกฤษที่โพสต์ข้อความทาง X ว่าเขารู้สึกเสียใจและช็อกกับข่าวนี้เป็นอย่างมาก โดยนายสตาร์เมอร์ เคยกล่าวไว้ก่อนการเลือกตั้งว่า เขารับปากที่จะเดินหน้าทำงานเพื่อลดการก่ออาชญากรรมด้วยมีดในสหราชอาณาจักรให้จงได้ ขณะที่ เทย์เลอร์ สวิฟต์ นักร้องสาวชื่อดัง ระบุทางอินสตาแกรมว่า เธอรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์สะเทือนขวัญในเซาท์พอร์ทเป็นอย่างมาก เพราะเหยื่อในเหตุการณ์นี้เป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ที่มาเรียนเต้นเท่านั้น และเธอขอแสดงความเสียใจ และความห่วงใยไปยังครอบครัวของเหยื่อทุกคนด้วย.

...

ผู้เขียน : อาจุมมาโอปอล

ที่มา : the independentaljazeera

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ รายงานพิเศษ