ผบ.หน่วยตำรวจลับถูกคณะกรรมการสภาคองเกรสซักฟอกอย่างหนักเรื่องการลอบสังหารทรัมป์ โดยเธอยอมรับว่านี่เป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ แต่ยืนยันจะไม่ลาออก
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า คิมเบอร์ลี ชีเทิล ผู้อำนวยการหน่วยตำรวจลับ (USSS) เข้าให้การต่อคณะกรรมการกำกับดูแลและตรวจสอบของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ในวันจันทร์ที่ 22 ก.ค. 2567 โดยเธอถูกซักฟอกอย่างหนักจากสมาชิกสภาของทั้ง 2 พรรค เรื่องความล้มเหลวด้านการรักษาความปลอดภัย จนนำไปสู่เหตุพยายามลอบสังหาร โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อสัปดาห์ก่อน
น.ส.ชีเทิล ยอมรับหลังถูกตั้งคำถามอย่างหนักจาก สส.รีพับลิกัน แนนซี เมซ ว่า เหตุลอบสังหารนายทรัมป์ดังกล่าว คือความล้มเหลวเชิงปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญที่สุดของหน่วยตำรวจลับในรอบหลายทศวรรษ และเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุดขององค์กร นับตั้งแต่ความพยายามลอบสังหารประธานาธิบดี โรนัลด์ เรแกน ในปี 2524
ผบ.USSS บอกด้วยว่า มีปัญหาอย่างมีนัยสำคัญเกิดขึ้นที่งานหาเสียงของนายทรัมป์ในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อ 13 ก.ค. โดยก่อนที่นายทรัมป์จะขึ้นเวที เจ้าหน้าที่ตำรวจลับได้รับแจ้ง 2-5 ครั้งแล้วว่า มีบุคคลน่าสงสัยอยู่ในพื้นที่
น.ส.ชีเทิลกล่าวว่า USSS กำลังตรวจสอบว่ามีความล้มเหลวในการสื่อสารอย่างชัดเจนเกิดขึ้นหรือไม่ จนทำให้นายทรัมป์ได้ขึ้นเวทีหาเสียง ทั้งที่มีรายงานพบคนน่าสงสัย และมีผู้ชมการหาเสียงหลายคนเห็นมือปืนปีนขึ้นไปบนหลังคา เพียงไม่นานก่อนเสียงปืนจะดังขึ้น
“ฉันคาดว่า พวกเขาไม่รู้ว่ามีภัยคุกคาม ในตอนที่พวกเขาพานายทรัมป์ขึ้นไปบนเวที” น.ส.ชีเทิลกล่าว พร้อมระบุว่า คำว่า ภัยคุกคาม กับ พฤติกรรมน่าสงสัย มีความแตกต่างกันอย่างมาก ซึ่งในตอนที่คนผู้นี้ถูกพบตัว เขากำลังแสดงพฤติกรรมน่าสงสัยออกมา
...
เมื่อถูกนายรัสเซลล์ ฟราย สส.รีพับลิกัน ถามว่า คนร้ายถูกระบุว่าเป็นภัยคุกคามเมื่อไหร่? น.ส.ชีเทิลก็ตามว่า ไม่กี่วินาทีก่อนที่เขาจะเริ่มเปิดฉากยิงเข้าใส่อดีตประธานาธิบดีทรัมป์
สมาชิกสภาหลายคนเรียกร้องให้ น.ส.ชีเทิล ลาออกจากตำแหน่งเพื่อรับผิดชอบต่อความล้มเหลว โดยเสียงวิพากษ์วิจารณ์มาจากฝั่งรีพับลิกันมากกว่า แต่ฝ่ายเดโมแครตก็ยุให้ น.ส.ชีเทิล ออกจากตำแหน่งเช่นกัน โดยอ้างถึงกรณีลอบสังหารประธานาธิบดีเรแกน ซึ่ง ผบ.ตำรวจลับในยุคนั้นก็ลาออกหลังเกิดเหตุ แม้จะต้องรอถึง 8 เดือนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม น.ส.ชีเทิล ยืนยันว่าเธอจะไม่ลาออกจากตำแหน่ง โดยบอกกับเหล่า สส. ว่า “ฉันคิดว่าฉันคือผู้ที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นผู้นำหน่วยตำรวจลับ ณ เวลานี้”
ด้านนายเจมส์ คัมเมอร์ สส.รีพับลิกัน และประธานคณะกรรมการกำกับดูแลฯ ถามกดดัน น.ส.ชีเทิล ว่า ก่อนเกิดเหตุ นายทรัมป์ได้รับการรักษาความปลอดภัยทั้งหมดที่เขาร้องขอหรือไม่ ซึ่งนางชีเทิลตอบว่า พวกเขาได้มอบทรัพยากรที่ถูกร้องสำหรับงานในวันนั้นทั้งหมดแล้ว
คำถามดังกล่าวสืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงานว่า ตำรวจลับปฏิเสธคำร้องจากทีมรักษาความปลอดภัยของนายทรัมป์ ที่ต้องการกำลังคนและทรัพยากรเพิ่มมาตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งโฆษกของ USSS ยอมรับว่า ปฏิเสธคำร้องบางอย่าง แต่ก็จัดหาเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นให้แทน
ส่วน สส. จิม จอร์แดน จากพรรครีพับลิกัน ก็พยายามกดดัน น.ส.ชีเทิล ว่าเธอโกหกคนในชาติหรือไม่ ซึ่ง น.ส.ชีเทิล ย้ำว่า “สำหรับงานที่เมืองบัตเลอร์ ไม่มีการปฏิเสธคำร้องใดๆ” ทำให้นายจอร์แดนพูดกลับว่า “บางทีพวกเขา (ทีมรักษาความปลอดภัยของทรัมป์) อาจเบื่อที่จะขอแล้วก็ได้”
ทั้งนี้ การตอบคำถามของ น.ส.ชีเทิล ในวันจันทร์ สร้างความไม่พอใจอย่างมากแก่เหล่า สส. เนื่องจากเธอตอบคำถามอย่างระมัดระวังมาก และไม่ตอบคำถามยากๆ จน สส.แนนซี เมซ ถึงกับพูดว่า “วันนี้คุณเอาแต่พูดไร้สาระ”
คณะกรรมการยังมีคำถามใหญ่ที่สุดที่ยังไม่ได้รับคำตอบคือ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจลับอยู่บนหลังคาที่มือปืน โทมัส แมทธิว ครูกส์ ซุ่มยิงปืนเข้าใส่นายทรัมป์หรือไม่? นายครูกส์ได้บินโดรนในพื้นที่ก่อนงานหาเสียงจะเริ่มหรือไม่? และ ทำไมเขาไม่ถูกหยุดเอาไว้ ในตอนที่มีคนเห็นเขาขึ้นไปบนหลังคาพร้อมกับปืนไรเฟิล?
นางชีเทิลไม่ตอบหรือเลี่ยงคำถามทั้งหมด โดยเฉพาะในเรื่องโดรน ซึ่งเธออ้างว่ากำลังอยู่ระหว่างการสืบสวน
เธอยอมเปิดเผยรายละเอียดบางอย่าง เช่นข้อเท็จจริงที่ว่า เธอได้คุยกับพลสไนเปอร์ซึ่งเป็นผู้สังหารนายครูกส์แล้ว และองค์กรของเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธคำร้องขอการรักษาความปลอดภัยเพิ่มเติมที่งานหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ แต่ สส.หลายคนรู้สึกว่า เธอเต็มใจให้ข้อมูลและตรงไปตรงมากับพวกเขาน้อยกว่าที่เธอให้สัมภาษณ์กับสื่อโทรทัศน์เสียอีก
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : cnn