เกิดกระแสความไม่พอใจในอิตาลี หลังจากมีภาพนักท่องเที่ยวหญิงรายหนึ่งในเมืองฟลอเรนซ์ แสดงพฤติกรรมลามกกับรูปปั้นของเทพเจ้าแบคคัส เทพเจ้าแห่งไวน์ของโรมัน

เกิดกระแสความไม่พอใจในอิตาลี หลังจากมีภาพนักท่องเที่ยวหญิงรายหนึ่งในเมืองฟลอเรนซ์ แสดงพฤติกรรมลามกกับรูปปั้นของเทพเจ้าแบคคัส เทพเจ้าแห่งไวน์ของโรมัน โดยในภาพถ่ายซึ่งแชร์ในบัญชีโซเชียลมีเดีย "เวลคัม ทู ฟลอเรนซ์" (Welcome To Florence) ในเฟซบุ๊ก เป็นภาพของนักท่องเที่ยวหญิงกำลังจูบรูปปั้นขนาดเท่าคนจริงในเวลากลางคืน

รูปปั้นของเทพเจ้าแบคคัส ตั้งอยู่บนแท่นตรงหัวมุมถนนใกล้กับสะพานปอนเตเวคคิโอ ซึ่งเป็นรูปปั้นจำลองผลงานประติมากรรมในศตวรรษที่ 16 โดย "เจียมโบโลญา" ประติมากรชื่อดัง ซึ่งรูปปั้นของจริงถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์ บาร์เจลโลที่อยู่ใกล้เคียง

ภาพถ่ายดังกล่าวก่อให้เกิดปฏิกิริยาความไม่พอใจจากผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ซึ่งบางคนเรียกร้องให้จับกุมผู้หญิงรายนี้

แพทริเซีย แอสโปรนี ประธานของ "คอนคัลเจอรา" (Confcultura) ซึ่งเป็นสมาคมที่ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรมของอิตาลี กล่าวกับสื่ออิตาลีว่า การแสดงความหยาบคายและความป่าเถื่อนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกิดขึ้นเพราะทุกคนรู้สึกว่ามีสิทธิ์ทำทุกอย่างที่พวกเขาต้องการโดยไม่ต้องรับโทษ

นางแอสโปรนี เรียกร้องให้ใช้ "โมเดลสิงคโปร์" โดยมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ค่าปรับที่สูงลิบลิ่ว และไม่ยอมรับการแสดงพฤติกรรมที่ไม่ดี

อันโตเนลลา รินัลดี ผู้อำนวยการฝ่ายโบราณคดีและวิจิตรศิลป์ของฟลอเรนซ์กล่าวว่า ยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวทุกคน แต่พวกเขาจำเป็นต้องเคารพงานศิลปะทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นต้นฉบับหรือของที่สร้างขึ้นมาใหม่

ฟลอเรนซ์เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวประมาณ 1.5 ล้าน เยือนเมืองฟลอเรนซ์ซึ่งมีประชากรเพียง 382,000 คน ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงกันยายน

...

ขณะที่ผู้คนในท้องถิ่นกำลังเผชิญกับจำนวนนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในช่วงฤดูร้อน ซึ่งทำให้ถนนที่มีความแคบของฟลอเรนซ์เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว

ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "นักท่องเที่ยวล้นเมือง" ทำให้หลายเมืองทั่วโลกต้องเปลี่ยนแปลงวิธีการต้อนรับนักท่องเที่ยว เมื่อเดือนที่แล้ว นายกเทศมนตรีเมืองบาร์เซโลนาให้คำมั่นที่จะลดจำนวนนักท่องเที่ยวระยะสั้นภายใน 5 ปี ในขณะที่สถานที่ยอดนิยมหลายแห่ง เช่น เวนิส หรือภูเขาไฟฟูจิในญี่ปุ่น ได้เริ่มเรียกเก็บค่าธรรมเนียมรายวันเพื่อพยายามจำกัดจำนวน.

ที่มา BBC

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign