3 ประเทศที่สหรัฐฯและตะวันตกดึงขาเพื่อไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า เพราะมีโอกาสที่จะทะยานเป็นมหาอำนาจโลกมาแข่งขันกับตัวเอง นั่นคือ จีน รัสเซีย และอินเดีย

จีนโดนกระหน่ำซ้ำเติมอยู่ทุกวัน สินค้าจีนถูกเก็บภาษีเพิ่มขึ้นอย่างไม่เป็นธรรมในหลายประเทศ ตะวันตกกะว่าถ้าโดนอย่างนี้ จีนม่อยกระรอกแน่ แต่ในความเป็นจริง กลับตรงกันข้าม

มิถุนายน 2024 เพียงเดือนเดียว สินค้าที่ผลิตในประเทศจีนถูกส่งไปขายในต่างประเทศได้เงินมากถึง 308,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นเงินไทยก็ประมาณ 11.147 ล้านล้านบาท สูงกว่างบประมาณประเทศไทยเกือบ 3 เท่า เกินดุลมากถึง 9.9 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือ 3.583 ล้านล้านบาท ที่เป็นอย่างนี้เพราะจีนขายของได้มากขึ้น นำเข้าลดลง ทำให้เกิดภาวะเกินดุลการค้ามหาศาล สร้างความตระหนกตกใจให้สหรัฐฯและตะวันตกอย่างมาก

อินเดียนี่ไม่ต้องพูดถึง กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ศึกษาพบว่า ค.ศ.2023-2028 เศรษฐกิจอินเดียจะสร้างความเติบโตให้เศรษฐกิจโลกถึงร้อยละ 18 และ ค.ศ.2031 ตลาดผู้บริโภคในอินเดียจะเติบโตขึ้น 2 เท่า อินเดียจะมีการจ้างงานใหม่ในเศรษฐกิจสีเขียว เช่น ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ภายใน ค.ศ.2030 มากถึง 15 ล้านตำแหน่ง จากประเทศที่เคยยากจน กลายเป็นประเทศผู้ผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า โดรน และอวกาศ

สำหรับรัสเซีย แม้ว่าจะโดนแซงก์ชั่น โดนลงโทษทางเศรษฐกิจซ้ำๆซากๆ แต่เศรษฐกิจของรัสเซียก็ดีงามทรามวัยถึงขนาดธนาคารโลกประกาศเมื่อ 1 กรกฎาคม 2024 ว่าธนาคารโลกปรับสถานะรัสเซียให้เป็น High income country หรือเป็นประเทศที่มีรายได้สูง พลเมืองรัสเซียใน ค.ศ.2023 มีรายได้โดยเฉลี่ยสูงถึง 14,250 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อคน เมื่อวัดตามรายได้ประชาชาติหรือ NGI มูลค่าการค้ารัสเซียใน ค.ศ.2023 เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 7 ภาคการเงินเติบโตร้อยละ 6.6 และการก่อสร้างเติบโตร้อยละ 3.6

...

หลังจากเอาน้ำแข็งโปะเปลือกตาทั้ง 2 ข้างเพื่อให้หายตาร้อน (จากความอิจฉา) แล้ว สหรัฐฯบอกว่าต้องจัดการจีนให้หนักกว่านี้ จากนั้นก็ประกาศเพิ่มการเก็บภาษีสินค้าจีนหลายรายการ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ที่นำเข้าจากจีน โดนเก็บภาษีสูงขึ้นจากเดิมมากถึง 4 เท่า (จากเดิมร้อยละ 25 กลายเป็นร้อยละ 100) สหรัฐฯกะทุบรถไฟฟ้าจีนให้ม่อยกระรอกดอกเห็ดเป็ดปักกิ่ง ลูกไล่สหรัฐฯอย่างสหภาพยุโรป ตอนนี้ก็ประกาศขึ้นภาษีรถอีวีจากจีนเช่นกัน

จีนเองก็มีมือมีตีนเหมือนกัน บรรดาหัวหน้าผู้เชี่ยวชาญจากศูนย์เทคโนโลยียานยนต์และการวิจัยของจีนเรียกร้องให้รัฐบาลจีนโต้ตอบด้วยการขึ้นภาษีอัตราก้าวหน้าจากรถยนต์ที่นำเข้าจากสหรัฐฯและอียูที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า 2.5 ลิตร ซึ่งในแต่ละปี คนจีน นำเข้ารถในกลุ่มนี้จำนวนหลายแสนคัน (ค.ศ.2023 นำเข้ามากถึง 2.5 แสนคัน)

กฎระเบียบขององค์การการค้าโลกอนุญาตให้สามารถเก็บภาษีรถที่มีเครื่องยนต์ขนาดใหญ่กว่า 2.5 ลิตรได้สูงสุดถึงร้อยละ 25 แต่ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนเก็บภาษีรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่นำเข้าจากสหภาพยุโรปในอัตราเพียงร้อยละ 15

นี่คือสงครามการค้าซึ่งต่อสู้กันมานานตั้งแต่สมัยทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ถึงตอนนี้ก็ยังมีการสู้กันอย่างดุเดือดเลือดพล่านง่านเหงือกเผือกร้อน เดิมนักวิเคราะห์คิดว่าจีนจะเดี้ยง แต่ถึง ตอนนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าจีนยังไปได้ฉลุย อาจจะมีเซโซโงเงนนิดหน่อย ในบางจังหวะ แต่เซได้ไม่นาน ก็กลับมายืน เดินและวิ่งได้

จีน รัสเซีย อินเดีย ไปได้ดีอย่างที่ผมเขียนรับใช้ไปแล้ว ประเทศใหญ่ทั้งหลายที่ไม่ใช่ลูกไล่ของสหรัฐฯต่างก็มาชุมนุมสุมหัวกันตั้งกลุ่มบริกส์ ค้าขายกันภายในกลุ่ม เฉพาะตลาดในกลุ่มบริกส์ก็ใหญ่โตมโหฬารบานเบอะเยอะแยะตาแป๊ะไก๋ มีประชากรมากกว่าครึ่งโลกไปแล้ว ไม่ต้องง้อสหรัฐฯและยุโรป เศรษฐกิจก็เดินได้

สงครามการค้าสู้ไม่ได้ สหรัฐฯและตะวันตกจึงสร้างสงครามที่รบกันของจริง กำหนดว่าสนามรบต้องอยู่ไกลจากสหรัฐฯ ไปอยู่ในชายแดนอูเครน-รัสเซีย ในตะวันออกกลาง หรือแม้แต่ให้ความขัดแย้งไปอยู่ในคาบสมุทรเกาหลีที่มีญี่ปุ่นอยู่ไม่ไกลนัก รวมทั้ง สร้างความขัดแย้งระหว่างจีนกับไต้หวัน.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com

คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม