ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบียมีพื้นที่กว้างขวางถึง 2.15 ล้านตารางกิโลเมตร กษัตริย์องค์ปัจจุบันทรงพระนามว่าสมเด็จพระราชาธิบดีซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ ส่วนมกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีทรงพระนามว่าเจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน
ที่นำเรื่องซาอุดีอาระเบียมารับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพในวันนี้ เพราะได้อ่านรายงานของไนท์ แฟรงค์ บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ที่ทำนายว่า ซาอุดีอาระเบียกำลังจะเป็นตลาดก่อสร้างที่ใหญ่ที่สุดในโลก มูลค่าผลผลิตภาคก่อสร้างภายในสิ้นปี 2028 จะมีสูงถึง 1.815 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งสูงกว่ามูลค่าใน ค.ศ.2023 เกือบร้อยละ 30
เจ้าชายมุฮัมมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารและนายกรัฐมนตรีสร้างยุทธศาสตร์ Vision 2030 ยุทธศาสตร์นี้ต้องการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจที่แต่ก่อนง่อนชะไรพึ่งพาแต่น้ำมันไปสู่โครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ที่มีความหลากหลาย และขับเคลื่อนด้วยภาคอุตสาหกรรม 14 อุตสาหกรรมเป้าหมายคือ การศึกษา พลังงานและน้ำ เหมือง อสังหาริมทรัพย์ ไบโอเทค การแพทย์และสุขภาพ บริการการเงิน ยานยนต์ โลจิสติกส์ การท่องเที่ยว ปิโตรเคมี เทคโนโลยีสารสนเทศ อุตสาหกรรมการผลิต และนวัตกรรม
ซาอุดีอาระเบียมีสัดส่วนการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) น้อยมาก มีเพียงร้อยละ 1.3 ของจีดีพีเท่านั้น เจ้าชายซัลมานต้องการให้ FDI เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 5.7 ของจีดีพี ต้องการให้รัฐบาลมีรายได้จากอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่น้ำมัน 267 แสนล้านดอลลาร์ +เพิ่มสัดส่วนการมีส่วนร่วมของแรงงานหญิงร้อยละ 30+เพิ่มมูลค่ากองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะเป็น 2 ล้านล้านดอลลาร์
ซาอุดีอาระเบียเริ่มยุทธศาสตร์ Vision 2030 เมื่อ 8 ปีที่แล้ว และได้เริ่มโครงการต่างๆ มูลค่ามากกว่า 1.25 ล้านล้านดอลลาร์ซึ่งเป็นเงินไทยมากถึง 46 ล้านล้านบาท ค.ศ.2023 เพียงปีเดียว มีการมอบสัญญาการก่อสร้าง 1.4 แสนล้านดอลลาร์ (5.17 ล้านล้านบาท) ส่วนใหญ่การก่อสร้างอยู่ที่กรุงริยาด
...
เป้าหมายของซาอุดีอาระเบียคือต้องการให้กรุงริยาดมีประชากรมากถึง 10 ล้านคน ภายใน ค.ศ.2030 ซึ่งในปีนั้นซาอุดีอาระเบียเตรียมเป็นเจ้าภาพจัดงานเวิลด์เอ็กซ์โป ความมุ่งหวังตั้งใจขั้นต่อไปของซาอุดี อาระเบียคือการเป็นเจ้าภาพจัดงานแข่งขันฟุตบอลโลกใน ค.ศ.2034
ซาอุดีอาระเบียออกใบอนุญาตให้เทคเฟิร์มระดับโลกมาตั้ง RHQ หรือ Regional Head Quarter สำนักงานหลักประจำภูมิภาคในกรุงริยาดตั้งแต่ 1 มกราคม 2024 เป็นจำนวนมากมายหลายบริษัท เช่น ไมโครซอฟท์ กูเกิล แอมะซอน อัลฟาเบท ฯลฯ
ก่อนหน้านั้นก็มีบริษัทดังๆ หลายบริษัทได้รับอนุญาตให้มาตั้ง RHQ ในกรุงริยาด ไม่ว่าจะเป็น แอร์บัส ออราเคิล ไฟเซอร์ มาสเตอร์การ์ด ซีเมนซ์ เป๊บซี่ ฯลฯ ข้อมูลจากกระทรวงการลงทุนแจ้งว่า มีบริษัทระดับโลก ได้รับใบอนุญาตเปิด RHQ ในกรุงริยาดมากกว่า 200 แห่ง
ผู้อ่านท่านคงจะเคยได้ยินคำว่านิอุม หรือ NEOM นะครับ นี่เป็นโครงการเมืองใหม่ที่ซาอุดีอาระเบียต้องการเปลี่ยนจากทะเลทรายให้เป็นเมืองแห่งอนาคต เฉพาะนิอุมโครงการเดียวใช้งบประมาณ 5 แสนล้านดอลลาร์ หรือ 18 ล้านล้านบาท
นิอุมเป็นโครงการใหญ่ที่มีโครงการย่อยอยู่หลายโครงการ โครงการย่อยที่เราคุ้นชื่อกันคือโครงการ The Line เมืองแนวราบยาว 170 กิโลเมตร ที่ตัดผ่านพื้นที่แห้งแล้ง กำแพงเมืองเป็นผนังกระจกสูง ด้านในมีการสร้างเมฆเทียม พระจันทร์เทียม มีเทคโนโลยีที่เปลี่ยนน้ำเค็มเป็นน้ำจืด
ราชอาณาจักรที่มีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจำนวนมากอย่างซาอุดี อาระเบีย ยังรู้สึกว่าน้ำมันกับก๊าซธรรมชาติยังสร้างความมั่นคงอย่างถาวรไม่ได้ เทคโนโลยีจะทำให้มีการคิดค้นพลังงานใหม่ๆ ขึ้นมาแทนน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เช่น เซลล์เชื้อเพลิง หรือ Fuel Cell ซึ่งเป็น พลังงานไฮโดรเจน หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เมื่อวันนั้นมาถึงซาอุฯอาจจะกลายเป็นประเทศที่ตกโลกก็ได้
แม้แต่นโยบายต่างประเทศของซาอุดีอาระเบียที่เดิมอิงสหรัฐฯ และโลกตะวันตก ปัจจุบันนี้ก็หันไปคบค้าสมาคมกับรัสเซีย จีน และ สมาชิกอื่นๆในกลุ่มองค์การความร่วมมือเซี่ยงไฮ้และบริกส์มากขึ้น
เดิมซาอุดีอาระเบียเป็นเหมือนดาวเคราะห์ที่ต้องอาศัยแสงจากดาวฤกษ์สหรัฐฯ แต่วันนี้ซาอุดีอาระเบียเป็นตัวของตัวเอง และต้องการเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในตะวันออกกลาง ท่าทีของซาอุดีอาระเบียจึงไม่เหมือนเมื่อก่อน
พวกเราชาวโลกต่างจับตาการกระดิกพลิกตัวของซาอุดีอาระเบีย พวกที่แขยงแขงขนสหรัฐฯและตะวันตกต่างลุ้นให้ซาอุดีอาระเบียออกห่างสหรัฐฯและประสบความสำเร็จในการสร้างตนเป็นมหาอำนาจเศรษฐกิจของตะวันออกกลางครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
คลิกอ่านคอลัมน์ “เปิดฟ้าส่องโลก” เพิ่มเติม