นักวิทยาศาสตร์รัสเซียทำการชันสูตรร่างสุนัขป่าที่ถูกแช่แข็งในดินนาน 44,000 ปี บริเวณเขตห่างไกลทางตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาซากสุนัขป่าโบราณ

นักวิทยาศาสตร์ในภูมิภาคยากูเตีย ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัสเซีย กำลังทำการชันสูตรซากศพหมาป่าที่ถูกแช่แข็งในชั้นดินเยือกแข็งคงตัวเป็นเวลาประมาณ 44,000 ปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่มีการศึกษาซากสุนัขป่าโบราณ

ซากศพหมาป่าถูกพบโดยบังเอิญโดยคนในพื้นที่ ในเขตอาบีสกี ในภูมิภาคยากูเตีย เมื่อปี 2564 ขณะนี้ร่างของหมาป่ากำลังได้รับการตรวจสอบอย่างเหมาะสมโดยนักวิทยาศาสตร์

นายอัลเบิร์ต โปรโตโปปอฟ หัวหน้าแผนกศึกษาสัตว์ดึกดำบรรพ์ที่สถาบันวิทยาศาสตร์ยากูเตีย กล่าวว่า นี่ถือเป็นการค้นพบนักล่าในยุคไพลสโตซีนตอนปลายครั้งแรกของโลก ซากศพหมาป่ามีอายุประมาณ 44,000 ปี และไม่เคยมีการค้นพบเช่นนี้มาก่อน

ภูมิภาคยากูเตียตั้งอยู่ระหว่างมหาสมุทรอาร์กติกและเขตตะวันออกไกลของรัสเซีย ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่หนองน้ำและป่าไม้ขนาดกว้างใหญ่ประมาณรัฐเท็กซัสของสหรัฐฯ โดยประมาณ 95% ของพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยชั้นดินเยือกแข็งคงตัว

ขณะที่อุณหภูมิฤดูหนาวในภูมิภาคนี้จะลดลงเหลือต่ำสุดถึงลบ 64 องศาเซลเซียส นายโปรโตโปปอฟกล่าวว่า โดยปกติแล้วสัตว์กินพืชจะตายและติดอยู่ในหนองน้ำ ทำให้มันถูกแช่แข็ง และยังคงสภาพเดิมไว้ได้ และนี่เป็นครั้งแรกที่พบสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่

แม้จะไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะพบซากสัตว์อายุนับพันปีถูกฝังลึกในชั้นดินเยือกแข็งคงตัว ซึ่งจะละลายอย่างช้าๆ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่นายโปรโตโปปอฟกล่าวว่า "ซากหมาป่ามีความพิเศษอย่างมาก เนื่องจากมันเป็นนักล่าที่มีความกระตือรือร้นอย่างมาก เป็นหนึ่งในสัตว์นักล่าที่มีขนาดใหญ่ โดยมีขนาดเล็กกว่าสิงโตและหมีที่อาศัยในถ้ำเล็กน้อย แต่เป็นนักล่าที่คล่องแคล่วและเคลื่อนที่ได้รวดเร็ว และมันยังเป็นนักบริโภคซากสัตว์อีกด้วย"

...

ด้านนายอาร์ตียอม เนโดลุซโก ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาของห้องปฏิบัติการบรรพชีวินวิทยาที่มหาวิทยาลัยยุโรปแห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก กล่าวว่า ซากของหมาป่าให้ข้อมูลเชิงลึกที่หาได้ยากเกี่ยวกับภูมิภาคยากูเตียเมื่อ 44,000 ปีก่อน

เขากล่าวว่า "เป้าหมายหลักคือการทำความเข้าใจว่าหมาป่าตัวนี้กินอะไร มันคือใคร และเกี่ยวข้องกับหมาป่าโบราณที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเรเซียอย่างไร".

ที่มา Reuters

ติดตามข่าวต่างประเทศเพิ่มเติมที่ https://www.thairath.co.th/news/foreign