เกาหลีเหนืออ้างทดสอบระบบของขีปนาวุธหลายหัวรบสำเร็จ แต่เกาหลีใต้ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริง ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าอาจสำเร็จบางส่วน
สำนักข่าวบีบีซี รายงานเมื่อ 29 มิ.ย. 2567 ว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือออกมาอ้างว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงขีปนาวุธหลายหัวรบ ‘MIRV’ ขณะที่เกาหลีใต้ออกมาสวนกลับทันทีว่ารัฐบาลเปียงยางโกหก กลายเป็นความขัดแย้งครั้งใหม่ของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งกระทบกระทั่งกันมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา
สื่อของเกาหลีเหนือประกาศความสำเร็จในการทดสอบการยิงสิ่งที่พวกเขาระบุว่าเป็นขีปนาวุธหลายหัวรบ เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเผยแพร่ภาพเป็นหลักฐาน แต่ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากนั้น เกาหลีใต้ก็ออกมาตอบโต้ว่า เปียงยางหลอกลวงและพูดเกินจริง พร้อมกับเผยแพร่หลักฐานฝ่ายตัวเอง ที่ชี้ว่าเกาหลีเหนือล้มเหลว
ขณะที่บรรดานักวิเคราะห์ยังไม่มั่นใจว่าสิ่งที่เกาหลีเหนือพูดเป็นความจริงหรือไม่ แต่หากเป็นความจริง นี่จะเป็นความก้าวหน้าอย่างมีนัยสำคัญในโครงการขีปนาวุธของรัฐบาลเปียงยาง
ขีปนาวุธหลายหัวรบเป็นมิสไซล์ที่ยากแก่การป้องกันและเป็นเทคโนโลยีที่มีความท้าทายในการพัฒนาสูง ปัจจุบันจึงมีเพียงสหรัฐฯ, สหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, รัสเซีย และจีน เท่านั้นที่มีเทคโนโลยีนี้ในครอบครอง แต่ตอนนี้เกาหลีเหนือกำลังประกาศว่าพวกเขาขยับเข้าใกล้อาวุธชนิดนี้แล้วเช่นกัน
MIRV ย่อมากจาก ‘ขีปนาวุธกลับสู่ชั้นบรรยากาศแบบแยกเป้าโจมตีได้หลายหัวรบ’ (multiple independently targetable re-entry vehicle) คือการบรรจุหัวรบหลายลูกไว้ในขีปนาวุธลูกเดียว ก่อนจะแยกตัวออกจากกันหลังยิงไปแล้ว จากนั้นหัวรบแต่ละหัวจะได้รับพลังจากจรวดที่ติดไว้กับตัวมันเอง พุ่งสู่เป้าหมาย
...
หัวรบแต่ละลูกสามารถพุ่งด้วยความเร็วและทิศทางที่แตกต่างกัน ทำให้สามารถโจมตีเป้าหมายที่อยู่ห่างออกไปจากหัวรบลูกอื่นหลายร้อยกิโลเมตร ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้อาวุธชนิดนี้มีประสิทธิภาพสูง
เปียงยางระบุในวันพฤหัสบดีว่า พวกเขาประสบความสำเร็จในการทดสอบแยกส่วนขีปนาวุธและควบคุมระบบนำทางหัวรบแต่ละหัว โดยขีปนาวุธที่พวกเขาใช้ทดสอบคือ เครื่องยนต์ขับดันตอนที่หนึ่ง (first-stage) ของขีปนาวุธเชื้อเพลิงแข็งพิสัยกลาง โดยยิงไปพร้อมกับหัวรบ 3 ลูก และตัวล่ออีก 1 ลูก
ขีปนาวุธลูกนี้เดินทางไปในระยะสั้นๆ ที่ 170-200 กม. เริ่มรับประกันความปลอดภัย และวัดการบินของหัวรบ ซึ่งแต่ละลูกถูกนำวิถีเข้าสู่เป้าหมายอย่างถูกต้อง ขณะที่เรดาร์ต่อต้านอากาศยานก็ตรวจพบว่าตัวล่อทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ฝ่ายกองทัพเกาหลีใต้งัดหลักฐานออกมาตอบโต้อย่างรวดเร็ว โดยระบุว่า การบินของขีปนาวุธลูกนี้ไม่ปกติ และมันระเบิดกลางอากาศ
พวกเขาเผยแพร่คลิปวิดีโอที่พวกเขาถ่ายเอาไว้ได้ออกสู่สาธารณะชี้ว่า ขีปนาวุธบินไม่มั่นคงจนนำไปสู่การระเบิดกลางอากาศ กองทัพยังตรวจพบเศษชิ้นส่วนจำนวนมากกว่าที่ควรจะเป็น หากการทดสอบประสบความสำเร็จ
ส่วนภาพหลักฐานของเกาหลีเหนือที่อ้างแสดงให้เห็นหัวรบและตัวล่อแยกตัวออกจากขีปนาวุธ แท้จริงแล้วเป็นภาพจากการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีปเมื่อเดือนมีนาคมต่างหาก
ด้านสำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้ เผยบทวิเคราะห์ว่า ระยะทางในการทดสอบมิสไซล์ของเกาหลีเหนือมักพบเห็นในการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป ไม่ใช่ MIRV และเชื่อว่าขีปนาวุธลูกนี้อาจมีระบบควบคุมและนำวิถีไม่เพียงพอ
แต่หลายคนก็เชื่อว่าการทดสอบของเกาหลีเหนืออาจประสบความสำเร็จ “บางส่วน”
ดร.ยาง อึก นักวิจัยจากสถาบันเพื่อการศึกษานโยบาย ‘อาซาน’ บอกกับ บีบีซี ว่า เขาเชื่อว่าการบินและการแยกตัวของหัวรบจากขีปนาวุธเกาหลีเหนือทำงานได้ถูกต้อง แต่เปียงยางไม่เปิดเผยหลักฐานใดๆ ว่าหัวรบเหล่านั้นพุ่งเข้าเป้า ดังนั้นเราจึงบอกว่าประสบความสำเร็จไม่ได้
ด้านกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น ระบุว่า ขีปนาวุธลูกนี้บินขึ้นไปสูงสุดที่ 100 กม. ซึ่งหมายความว่ามันไม่ได้ออกนอกโลก แต่ยังอยู่ภายในชั้นบรรยากาศโลก ขณะที่ ดร.ยาง สำทับว่า นี่หมายความว่าหัวรบของเกาหลีเหนือยังไม่ได้รับการทดสอบทนความร้อนสูงและแรงกดดันที่เกิดขึ้นหลังการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ จึงยังไม่รู้ขีดความสามารถของมัน
...
ส่วนนายแวนน์ ฟาน ดีเพน ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธของเกาหลีเหนือและอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ กล่าวว่า วิดีโอการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือที่ชาวบ้านบริเวณชายแดนถ่ายไว้ได้ ดูเหมือนจะไม่มีข้อบ่งชี้ว่าเกิดการระเบิดรุนแรง หรือความล้มเหลวครั้งใหญ่ และเมฆหางเครื่องบิน (contrail) ก็มีลักษณะตรงกับภาพจากสื่อเกาหลีเหนือ
แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีความล้มเหลวเกิดขึ้น นายดีเพน ย้ำว่า เพราะไม่มีข้อพิสูจน์ว่าหัวรบที่ปล่อยออกมาบินไปยังเป้าหมายได้สำเร็จด้วยตัวเองหรือไม่
ไม่ว่าการทดสอบขีปนาวุธครั้งนี้จะสำเร็จหรือไม่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเกาหลีเหนือได้รับประโยชน์หลายอย่างจากเรื่องนี้ พวกเขาจะได้ข้อมูลทางเทคนิคจากการปล่อยมิสไซล์ ซึ่งแน่นอนว่ายังไม่เพียงพอที่จะพัฒนา MIRV ได้ แต่นายดีเพนเชื่อว่าเกาหลีเหนืออยู่ห่างจากการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวไม่กี่ปีเท่านั้น.
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign
ที่มา : bbc