ซาอุดีอาระเบียยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตระหว่างเดินทางประกอบพิธีฮัจญ์ทะลุ 1,300 ศพแล้ว ขณะที่อียิปต์เตรียมเพิกถอนใบอนุญาตบริษัททัวร์หลายแห่ง ที่พาผู้แสวงบุญไปเมกกะอย่างไม่ถูกต้อง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 23 มิ.ย. 2567 ว่า ทางการซาอุดีอาระเบียยืนยันว่า จำนวนผู้แสวงบุญที่เสียชีวิตระหว่างร่วมประกอบพิธีฮัจญ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ล่าสุดอยู่ที่ 1,301 ศพแล้ว โดย 83% ในจำนวนนี้เป็นผู้แสวงบุญที่เข้าประเทศอย่างไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องเผชิญอากาศร้อน โดยไม่มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอ

การจะเดินทางไปเข้าร่วมพิธีฮัจญ์ได้นั้น ผู้แสวงบุญจำเป็นต้องยื่นขอวีซ่าพิเศษสำหรับพิธีฮัจญ์เท่านั้น โดยปีนี้ซาอุฯ อนุญาตให้ผู้แสวงบุญเข้านครเมกกะได้ 1.8 ล้านคน โดยจะแบ่งสรรปันส่วนให้แก่ประเทศต่างๆ ด้วยระบบโควตา ซึ่งผู้ที่ทำถูกต้องจะได้รับบาร์โค้ดสำหรับเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ และเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น เต็นท์ที่พักและรถบัสได้

แต่ราคาสำหรับขอใบอนุญาตสูงถึงหลายพันดอลลาร์สหรัฐ ผู้แสวงบุญจำนวนมากจึงพยายามหาทางเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างผิดกฎหมาย และการเดินทางมักจะต้องใช้วิธีการเดินเท้า ไม่ใช่ด้วยรถทัวร์ปรับอากาศที่ทางการจัดเอาไว้ และการเข้าถึงเสบียงอาหารและน้ำดื่มได้ยากกว่าผู้ที่เข้ามาอย่างถูกต้อง

ช่วงเวลาประกอบพิธีฮัจญ์ในปีนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงที่ซาอุดีอาระเบียมีอุณหภูมิพุ่งสูงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้ผู้แสวงบุญต้องเดินทางท่ามกลางอากาศร้อน 49-51 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

อีกด้านหนึ่ง รัฐบาลอียิปต์เตรียมเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการของบริษัทจัดทัวร์แสวงบุญประกอบพิธีฮัจญ์จำนวน 16 บริษัท โทษฐานพาผู้แสวงบุญเข้าสู่นครเมกกะอย่างไม่ถูกต้อง และทำให้มีชาวอียิปต์เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก โดยตัวเลขอย่างเป็นทางการตอนนี้อยู่ที่ 31 ศพ แต่คาดกันว่าจำนวนที่แท้จริงอาจมากถึง 600 ศพ

...

การตัดสินใจของอียิปต์เกิดขึ้นในการประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยทาง ครม.ได้ทบทวนรายงานซึ่งกล่าวหาบริษัททัวร์ว่า ไม่ได้ขอวีซ่าอย่างถูกกฎหมาย ทำให้ลูกทัวร์ไม่สามารถเข้าสู่นครเมกกะได้ตามเส้นทางที่ถูกต้องได้ ทำให้พวกเขาต้องหาทางเข้าเมืองด้วยการเดินเท้าฝ่าทะเลทรายอันร้อนระอุ

บริษัทเหล่านี้ยังไม่จัดหาที่พักอย่างเพียงพอให้ลูกทัวร์ ทำให้พวกเขาต้องสัมผัสกับความร้อนสูงด้วย.

ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign

ที่มา : cnn