เมื่อวันที่ 27 พ.ค.สำนักข่าวต่างประเทศรายงานแถลงการณ์ร่วมของนายยุน ซอก ยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ นายคิชิดะ ฟุมิโอะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น และนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน ภายหลังการประชุมสุดยอดไตรภาคี ระหว่างเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และจีน ครั้งที่ 9 จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 5 ปี ระหว่างวันที่ 26-27 พ.ค.ที่กรุงโซล เกาหลีใต้ มีใจความ สำคัญระบุผู้นำทั้ง 3 ชาติเห็นพ้องที่จะจัดการประชุมระดับรัฐมนตรีเป็นประจำ เพื่อส่งเสริมผลประโยชน์ของประชาชนทั้ง 3 ประเทศ ขณะที่ญี่ปุ่นจะรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดครั้งต่อไป

ในแถลงการณ์ยังระบุตกลงที่จะพูดคุยเพื่อเร่งการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีที่เปิดกว้าง ยุติธรรม ครอบคลุม เป็นประโยชน์ร่วมกัน รวมทั้งส่งเสริมความร่วมมือด้านห่วงโซ่อุปทาน นอกเหนือจากความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การสาธารณสุข ยังตั้งเป้าส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนเพิ่มเป็น 40 ล้านคนภายในปี 2573 ขณะเดียวกันยังย้ำจุดยืนด้านสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค การปลดอาวุธนิวเคลียร์ในคาบสมุทรเกาหลี และประเด็นการลักพาตัว ตามลำดับ โดยไม่ได้ระบุถึงความมุ่งมั่นที่จะปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสมบูรณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ตามที่ตกลงในการประชุมสุดยอดครั้งก่อนเมื่อเดือนธ.ค.2562 ที่เมืองเฉิงตู ของจีน

ก่อนหน้านี้นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในการประชุมว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นใหม่ ขอให้กลับมาร่วมมือกันอย่างรอบด้าน ไม่ควรเบี่ยงประเด็นทางเศรษฐกิจและการค้าให้เป็นเกมการเมือง ยังเรียกร้องให้ยุติลัทธิกีดกันทางการค้า และการแยกส่วนของห่วงโซ่อุปทานหรือแบ่งขั้ว พร้อมแนะว่าทั้ง 3 ประเทศควรมองกันเป็นหุ้นส่วนและโอกาสในการพัฒนา ขณะเดียวกันยังป้อนคำหวานว่าความสัมพันธ์อันใกล้ชิดของจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น จะไม่เปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับจิตวิญญาณของความร่วมมือและภารกิจในการปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค

...

ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดไตรภาคีมีขึ้นหลังจากผู้นำทั้ง 3 ชาติได้มีการพูดคุยแบบจับคู่ทวิภาคีเมื่อวันที่ 26 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยนายหลี่และนายยุน ตกลงจะเจรจาทางการทูตด้านความมั่นคง และกลับมา เจรจาการค้าเสรีอีกครั้ง ขณะที่นายคิชิดะหารือกับนายหลี่ ขอให้รัฐบาลจีนยกเลิกการห้ามนำเข้าสินค้าอาหารทะเลญี่ปุ่นโดยทันที รวมทั้งเผยถึงความกังวลต่อกิจกรรมทางทหารของจีนในภูมิภาค หลังจากจีนเพิ่งเสร็จสิ้นการซ้อมรบรอบเกาะไต้หวัน 2 วัน โดยย้ำว่าเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันมีความสำคัญต่อภูมิภาคและประชาคมโลก ส่วนนายหลี่ได้แสดงความกังวลเรื่องการปล่อยน้ำปนเปื้อนรังสีที่บำบัดแล้วจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะ ไดอิจิ ลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิกเช่นกัน.

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่