นายเยฟกินี โทมิคิน เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำประเทศไทย ส่งสารตอกย้ำบทบาทของ BRICS ในโอกาสที่รัสเซียรับตำแหน่ง “ประธาน” ต่อจากแอฟริกาใต้ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ประกาศจุดยืนส่งเสริมยุทธศาสตร์ความร่วมมือตามฉันทามติ และผลักดันให้ BRICS ก้าวไกลในเวทีโลก เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งในความสัมพันธ์พหุภาคีในการพัฒนาและการสร้างความมั่นคงในระดับโลก

BRICS คือเวทีความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ก่อตั้งขึ้นในเดือน มิ.ย. 2549 ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย และจีน เป็นที่มา ของชื่อ BRIC จากตัวอักษรแรกของชื่อประเทศ ต่อมากลายเป็น BRICS หลังแอฟริกาใต้เข้าร่วมในปี 2553 กระทั่งอียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เข้าเป็นสมาชิกใหม่ เมื่อ 1 ม.ค.2567

หลังจัดการประชุมสุดยอดครั้งแรกในปี 2552 ที่เมืองเยคาเตรินเบิร์ก รัสเซีย BRICS ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง พัฒนาความร่วมมือและ กลไกการเจรจาที่กว้างขวางและหลากหลาย ครอบคลุมนโยบายด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ เงินตราแลกเปลี่ยน วัฒนธรรม และด้านมนุษย ธรรม ที่สำคัญยังเป็นความร่วมมือและการรวมวิสัยทัศน์เพื่อมุ่งสู่อนาคตโลกที่สดใส ปลอดภัย มั่นคง และเจริญรุ่งเรือง บนพื้นฐานของความเสมอภาคเท่าเทียมกัน เคารพกัน และคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมกัน ปราศจากแนวทางต่อต้านผู้อื่น สะท้อนถึงความต้องการของคน ส่วนใหญ่ในโลก ส่งผลให้หลายชาติสนใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก รวมทั้งประเทศไทยที่ขอเป็น ส่วนหนึ่งของ BRICS มาตั้งแต่ต้นปี 2563

การขยายตัวของประเทศสมาชิกของ BRICS ซึ่งถือเป็นผู้นำของตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาที่มีความสำคัญต่อภูมิศาสตร์การเมืองโลกปัจจุบัน จัดว่ามีการเติบโตรวดเร็วอย่างมาก ขยายสัดส่วนเศรษฐกิจในกลุ่มบริษัทต่างๆในโลกปริมาณเพิ่มขึ้นจาก 31% สู่ 35% ในปี 2566 มีสัดส่วนกำลังซื้อสูงกว่ากลุ่มประเทศ G7

...

ที่สำคัญ BRICS ยังถูกมองเป็นเครื่องมือสร้างระเบียบโลกใหม่ที่ยุติธรรมและเป็นพหุภาคีมากขึ้น ด้วยการสนับสนุนรัฐต่างๆ ในกลุ่มซีกโลกใต้ให้มีส่วนร่วมและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ก่อให้เกิดความเป็นเอกภาพ ขณะเดียวกัน ประธานกลุ่ม BRICS ยังย้ำว่าควรกำหนด “ระเบียบโลก” ร่วมกัน

ท่านทูตโทมิคินยังย้ำว่า จากนี้ต่อไปประเทศสมาชิก BRICS ยังมีพันธกิจจะต้องทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะด้านระบบการเงินระหว่างประเทศ เพื่อให้มีความคล่องตัวและครอบคลุมยิ่งขึ้น ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ พร้อมปิดท้ายด้วยการแสดงความขอบคุณอย่างสูงต่อเอกอัคร ราชทูตจากบราซิล จีน อียิปต์ อินเดีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย แอฟริกาใต้ และสหรัฐอาหรับ เอมิเรตส์สำหรับความทุ่มเททำงานร่วมกัน.

คลิกอ่านคอลัมน์ "หน้าต่างโลก" เพิ่มเติม