แคนาดากำลังเผชิญฤดูไฟป่าเร็วกว่าปกติเป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน โดยมีไฟลุกไหม้กว่า 146 จุด เผาผลาญพื้นที่ไปแล้วร่วม 60,000 ไร่ ขณะที่ควันไฟลามถึงสหรัฐฯ ทำคุณภาพอากาศย่ำแย่
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า แคนาดากำลังเผชิญไฟป่ามากถึง 146 จุดทั่วประเทศ รวมถึงหลายสิบแห่งในรัฐบริติชโคลัมเบียและแอลเบอร์ตา ซึ่งถูกจุดว่า “อยู่เหนือการควบคุม” โดยเผาผลาญพื้นที่ไปแล้วกว่า 24,000 เอเคอร์ หรือราว 60,000 ไร่
ไฟป่าจุดที่ใหญ่ที่สุดคือ ‘ไฟป่าพาร์กเกอร์ เลค’ ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น 3 เท่าในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็น 13,000 เอเคอร์ (ราว 32,000 ไร่) และตอนนี้อยู่ห่างจากเมืองเล็กๆ อย่าง ฟอร์ท เนลสัน ไม่ถึง 2.5 กม. เท่านั้น โดยพยากรณ์อากาศระบุว่า ในช่วงวันจันทร์และอังคารนี้ จะมีลมพัดแรง ทำให้ไฟอาจลุกลามเข้าสู่เมืองได้
...
เมื่อวันอาทิตย์ ทางการแคนาดาสั่งอพยพประชาชนราว 3,200 คน ในเขตเทศบาล นอร์เทิร์น ร็อกกี และฟอร์ท เนลสัน ในรัฐบริติชโคลัมเบีย หลังไฟป่าพาร์กเกอร์ เลค ทวีความรุนแรง ส่วนประชาชนในหลายพื้นที่ของรัฐแอลเบอร์ตาได้รับคำเตือนให้เตรียมพร้อมอพยพ หลังไฟป่า MWF-017 อยู่ห่างจากเมืองฟอร์ท แมคเมอร์เรย์ เพียง 16 กม.
ขณะเดียวกัน ควันจากไฟป่าในแคนาดาถูกกระแสลมพัดลอยข้ามพรมแดนเข้าสู่สหรัฐฯ ทำให้พวกเขาต้องประกาศเตือนภัยฝุ่นควันใน 4 รัฐ ได้แก่ มอนทานา, นอร์ท ดาโกตา, เซาท์ ดาโกตา และ มินนิโซตา เนื่องจากคุณภาพอากาศย่ำแย่ลงจนอยู่ระดับ ‘ปานกลาง’ ไปจนถึง ‘ไม่ดีต่อสุขภาพ’
ทั้งนี้ นี่นับเป็นปีที่ 2 ติดต่อกันที่แคนาดาเผชิญฤดูไฟป่ารุนแรงเร็วกว่าปกติ โดยเหตุไฟป่าในปี 2566 เผาผลาญพื้นที่ไปมากกว่า 45 ล้านเอเคอร์ (ราว 113 ล้านไร่) มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศ โดยสาเหตุเกิดจากฤดูหนาวที่แห้งแล้ง และอากาศร้อนขึ้นกับหิมะที่น้อยลง อันเป็นผลจากภาวะโลกร้อนฝีมือมนุษย์
ติดตามข่าวต่างประเทศ : https://www.thairath.co.th/news/foreign