- บริษัทแอสตราเซเนกา ประกาศเรียกคืนวัคซีนป้องกันโควิด-19 จากตลาดทั่วโลก ถือเป็นการปิดตำนานวัคซีนแอสตราฯ ที่เคยช่วยชาวโลกต่อสู้กับโรคระบาดอุบัติใหม่ โควิด-19 มานานกว่า 3 ปี
- แอสตราฯ ระบุในแถลงการณ์ด้วยความภาคภูมิใจว่า จากการประมาณการณ์อย่างอิสระ วัคซีนแอสตราฯ สามารถช่วยชีวิตให้ผู้คนรอดตายจากโควิดได้มากกว่า 6.5 ล้านคน ในเวลาเพียงปีเดียว ขณะที่ได้จัดส่งมอบวัคซีนแอสตราฯ ให้แก่นานาประเทศกว่า 3 พันล้านโดส ในช่วงที่โควิด-19 กำลังระบาดหนัก
- วัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกา นับเป็นวัคซีนรุ่นที่สอง ต่อจากวัคซีนเชื้อตาย ซิโนแวค ซิโนฟาร์ม จากจีน แต่สุดท้าย ไม่ได้ไปต่อ เมื่อมีวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา เข้ามาเป็นวัคซีนในรุ่นที่ 3 ต่อกรสู้กับโควิดที่พัฒนากลายพันธ์ุอย่างต่อเนื่อง
แล้วในที่สุด บริษัทแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ของโลกสัญชาติสวีเดน-อังกฤษ ได้ประกาศ เมื่อ 8 พฤษภาคม 2567 เรียกคืนวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ออกจากตลาดทั่วโลกแล้ว ซึ่งถือเป็นการปิดฉากวัคซีนโควิดของแอสตราเซเนกา ที่ชาวโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี
ทำไมบริษัทแอสตราเซเนกา จึงตัดสินใจยุติการผลิตวัคซีนป้องกันโควิด-19 หลังจากได้พัฒนา และผ่านการอนุมัติฉุกเฉินจากองค์การอนามัยโลก และนานาประเทศทั่วโลกได้ใช้มานานกว่า 3 ปี?
ไทยรัฐออนไลน์ ขอไล่เลียงประวัติศาสตร์อีกหน้าหนึ่งของวงการวัคซีนที่ถูกพัฒนา ผลิตออกอย่างเร่งด่วน ในการนำมาใช้ต่อสู้ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงจากโรคติดต่ออุบัติใหม่ซึ่งเราไม่เคยพบเคยเจอมาก่อน อย่างโรคโควิด-19
...
วัคซีนโควิด-19 รุ่นที่สอง
ภายหลังโรคโควิด-19 เกิดการระบาดครั้งแรกที่เมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน ตั้งแต่ปลายปี 2562 ทำใหันักวิทย์และบริษัทเวชภัณฑ์ทั่วโลกเร่งผลิตวัคซีนเพื่อหวังนำมาต่อสู้บรรเทาความรุนแรงจากโรคติดต่อมรณะโควิด-19 ก่อให้เกิดอาการปอดอักเสบรุนแรง และอัตราการเสียชีวิตสูง
สำหรับวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา นับเป็นวัคซีนในรุ่นที่สอง ที่ใช้เทคนิคในการผลิตวัคซีนที่เรียกว่า 'ไวรัลเวกเตอร์' (Viral Vector) ต่อจากวัคซีนโควิดที่ผลิตจากเชื้อตาย ทั้งซิโนแวคและซิโนฟาร์มของจีน ซึ่งเป็นการผลิตวัคซีนโดยใช้เทคนิคแบบดั้งเดิม
บริษัทแอสตราเซเนกา ระบุว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซนเนกา คิดค้นโดยทีมของศาสตราจารย์แอนดี้ พอลลาร์ด และศาสตราจารย์ซาราห์ กิลเบิร์ต ที่ศูนย์วัคซีนออกซ์ฟอร์ด มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ
วัคซีนของบริษัทแอสตราเซเนกา ถูกตั้งชื่อว่า 'Vaxzevria' (แวกเซฟเรีย) (แต่เราคุ้นในชื่อเรียกว่า วัคซีนแอสตราเซเนกา หรือคนไทยจะเรียกสั้นๆ ว่าวัคซีนแอสตราฯ มากกว่า)
วัคซีนโควิดของแอสตราฯ หรือวัคซีน AZ พัฒนาโดยการนำส่วนของสารพันธุกรรมที่ใช้ในการถอดรหัสการสร้างหนามโปรตีนที่ผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ใส่ในโครงของอะดีโนไวรัส ซึ่งก่อให้เกิดโรคไข้หวัดทั่วไปในลิงชิมแปนซีที่ถูกทำให้อ่อนแรงลงและไม่สามารถแบ่งตัวได้
หลังจากฉีดวัคซีนแล้ว เซลส์ในร่างกายมนุษย์จะตอบสนองโดยการสร้างโปรตีนที่มีลักษณะเดียวกันกับหนามโปรตีนผิวเซลล์ของไวรัสโคโรนา SARS-CoV-2 ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมาเพื่อต่อสู้กับโควิด-19 กรณีที่ได้รับเชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายในภายหลัง
เคย 'ต่อกร' สู้โควิดในยุคสายพันธุ์เบตา เดลตา
บริษัทแอสตราเซเนกา (ประเทศไทย) เคยออกแถลงการณ์ในเดือนสิงหาคม 2564 ไว้ว่า ผลการศึกษาจากเครือข่ายการวิจัยการสร้างภูมิคุ้มกันโรคของแคนาดา (Canadian Immunization Research Network-CIRN) แสดงให้เห็นว่า Vaxzevria หรือวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา 1 โดส มีประสิทธิผลสูงถึง 82% ช่วยลดการเจ็บป่วยในระดับที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล หรือการเสียชีวิตที่เกิดจากการติดโควิด-19 สายพันธุ์เบตา/แกมมา
...
นอกจากนี้ ข้อมูลยังแสดงให้เห็นว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันสายพันธุ์เดลตา (B.1.617.2 หรือสายพันธุ์อินเดีย) และสายพันธุ์อัลฟา (B.1.1.7 หรือสายพันธุ์อังกฤษ) โดยช่วยลดอาการป่วยรุนแรงที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลหรืออัตราการเสียชีวิตได้ถึง 87% และ 90% ตามลำดับ
ประกาศปิดตำนานวัคซีนโควิด แอสตราฯ
ในช่วงที่โควิดกำลังระบาดรุนแรงในช่วงปี 2563-2565 วัคซีนแอสตราเซเนกา หรือวัคซีน AZ ถือเป็นวัคซีนราคาถูก และยังสามารถจัดเก็บและขนส่งง่าย ไม่ยุ่งยาก เมื่อเทียบกับวัคซีนป้องกันโควิด-19 ชนิด mRNA ที่ผลิตโดยบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ที่ออกมาเป็นวัคซีนรุ่นที่ 3
ส่วนสถานการณ์โควิดในขณะนี้ ซึ่งระบาดหนักทั่วโลกในช่วงปี 2563-2565 ได้ทุเลาลงและยังคงพบการระบาดเป็นระลอกๆ ตามรายงานของเว็บไซต์ worldometer ซึ่งติดตามอัปเดตยอดผู้เสียชีวิตและผู้ป่วยจากโรคโควิด-19 จนถึง 13 เม.ย.2567 แจ้งว่ามีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ทั่วโลกอยู่ที่ 7.01 ล้านศพ และป่วยเข้าโรงพยาบาล 704 ล้านราย
...
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นายไบรอัน พิงเกอร์ (Brian Pinker) ชายสูงอายุชาวอังกฤษ วัย 82 ปี ได้รับการบันทึกว่าเป็นบุคคลที่ตัดสินใจเข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตราฯ เป็นคนแรกนั้น เมื่อเวลาผ่านมาเกือบ 3 ปีครึ่ง ในที่สุด ทางบริษัทแอสตราเซเนกา ได้ออกแถลงการณ์เรียกคืนวัคซีน AZ อีกทั้งจะยุติการผลิตและจะไม่จัดส่งวัคซีนแอสตราฯ อีกต่อไป ด้วยเหตุผลเชิงพาณิชย์
โดยบริษัทแอสตราเซเนกา ออกแถลงการณ์ระบุว่า ขณะนี้มีวัคซีนโควิด-19 ที่ผลิตขึ้นมาสำหรับไวรัสโควิดกลายพันธุ์หลายชนิด จนมีวัคซีนมากเกินความต้องการ ทำให้วัคซีน Vaxzevria ซึ่งพัฒนาโดยแอสตราเซเนกา มีความต้องการน้อยลง และทางบริษัทตัดสินใจที่จะไม่ผลิตหรือส่งมอบวัคซีนโควิดชนิดนี้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้า บริษัทแอสตราฯ จะประกาศเรียกคืนวัคซีนโควิดนั้น ทางบริษัทได้ออกมายอมรับครั้งแรกในเอกสารของศาลฉบับหนึ่งว่า วัคซีนป้องกันโควิด-19 ของทางบริษัทอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่หาได้ยาก ซึ่งรวมถึงภาวะลิ่มเลือดด้วย
ก่อนหน้านี้ บริษัทแอสตราเซเนกาได้เริ่มกระบวนการขอถอนใบอนุญาตทางการตลาดของวัคซีนโควิด Vaxzevria ในยุโรปแล้ว โดยมีผลในวันที่ 7 พ.ค.2567 หลังจากได้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา ทำให้วัคซีน Vaxzevria ไม่สามารถจำหน่าย และใช้ในสหภาพยุโรปได้อีกต่อไป อีกทั้งจากนี้ บริษัทแอสตราเซเนกาจะทยอยถอนใบอนุญาตวัคซีนโควิดในทุกประเทศ
ขณะที่บริษัทแอสตราเซเนกา ได้ระบุในแถลงการณ์เรียกคืนวัคซีนโควิดของแอสตราฯ จากทั่วโลก ด้วยว่าทางบริษัทมีความภาคภูมิใจที่สามารถช่วยชีวิตผู้คนในประเทศทั่วเอเชียและลาตินอเมริกาได้เป็นจำนวนมากกว่า 6.5 ล้านคนเฉพาะในปี 2564 เพียงปีเดียว ในขณะที่ประเทศร่ำรวยแล้วสามารถจัดหาวัคซีน mRNA ที่มีราคาแพงกว่า
...
'ตามการประมาณการณ์ที่เป็นอิสระ วัคซีนแอสตราฯ สามารถช่วยชีวิตผู้คนในปีแรกเพียงปีเดียว (2564) ได้กว่า 6.5 ล้านคน และได้มีการส่งมอบวัคซีนให้แก่นานาประเทศทั่วโลกกว่า 3 พันล้านโดส
ความพยายามของเราได้รับการยอมรับจากรัฐบาลทั่วโลกและได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการยุติการระบาดของโรคโควิดทั่วโลก' บริษัทแอสตราเซเนการะบุในแถลงการณ์เรียกคืนวัคซีนโควิด และยุติการผลิตวัคซีนโควิดของแอสตราฯ
ถือเป็นการปิดตำนานการผลิตวัคซีนป้องกันโรคโควิดของบริษัทแอสตราฯ ท่ามกลางสถานการณ์ที่ชาวโลกจำนวนมากก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวโรคโควิด-19 กันอีกต่อไป ขณะที่รัฐบาลนานาประเทศพากันหันไปใช้วัคซีน mRNA ที่ต่อสู้กับเชื้อโควิดที่มีการกลายพันธุ์อย่างต่อเนื่องได้ดีมากกว่า และอัตราการเสียชีวิตจากโควิดได้ลดต่ำลง เพราะชาวโลกส่วนใหญ่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิดกันแล้ว
ผู้เขียน : อรัญญา ศรีจันทรนิตย์
ที่มา : metro ,TheGuardian, astrazeneca