บริษัทยาแอสตราเซเนกา ออกมายอมรับครั้งแรกในเอกสารของศาลฉบับหนึ่งว่า วัคซีนป้องกันโควิดของทางบริษัทอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงที่หาได้ยาก ซึ่งรวมถึงภาวะลิ่มเลือดด้วย

สร้างกระแสแตกตื่นตกใจไม่น้อย หลังสื่อหลายสำนักรายงานว่า บริษัทยายักษ์ใหญ่ แอสตราเซเนกา ของอังกฤษ ออกมายอมรับว่า วัคซีนป้องกันโควิดของทางบริษัท อาจจะทำให้ผู้รับวัคซีนเกิดเคสที่หาได้ยาก จากผลข้างเคียงจากการใช้วัคซีน ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดหัวใจอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือ TTS ได้ในบางกรณี หลังจากที่ได้รับวัคซีนเข้าไป

โดยนอกจากฐานการผลิตวัคซีนตัวนี้ที่ใช้ชื่อว่า แว็คเซพเรียร์ในประเทศอังกฤษแล้ว แอสตราเซเนกายังมีโรงงานผลิตวัคซีนอยู่ในอินเดียโดยการควบคุมดูแลของสถาบันเซรุ่ม โดยใช้ชื่อวัคซีนว่า โควิชีลด์

ก่อนหน้านี้ทางบริษัทแอสตราเซเนกาถูกฟ้องร้องว่า วัคซีนของทางบริษัทเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่ได้รับวัคซีนเสียชีวิต หรือล้มป่วยรุนแรงโดยมีคู่กรณีหลายสิบราย

ภาวะลิ่มเลือดหัวใจอุดตัน-ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ หรือ TTS (Thrombosis with Thrombocytopenia Syndrome) เกิดขึ้นเนื่องจากภูมิคุ้มกันในร่างกายทำปฏิกิริยาต่อวัคซีน ด้วยการสร้างสารแอนติบอดี เพื่อโจมตีโปรตีน ซึ่งทำให้เกิดการจับตัวของลิ่มเลือด

...

ด้านศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ หรือ CDC ได้แยกประเภทของ TTS เอาไว้ 2 ระดับด้วยกัน โดยระดับที่ 1 คือการเกิดลิ่มเลือดที่หายาก เช่น ในสมองหรือลำไส้ ซึ่งเคสเหล่านี้เป็นกรณีที่รุนแรงกว่า และส่วนใหญ่เกิดขึ้นในคนอายุน้อยกว่า แต่หากเป็นการเกิดภาวะลิ่มเลือดในขา หรือปอด จะเป็นเคสที่พบได้บ่อยครั้ง และจะถูกจัดอยู่ในระดับ 2

สำหรับอาการของ TTS จะรวมถึงอาการปวดหัวรุนแรง ปวดท้อง ขาบวมหรือมีอาการปวด หายใจถี่ มีอาการทางระบบประสาท เช่น การมองเห็นเปลี่ยนแปลง และมีอาการชัก

แม้ว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพระบุว่า ผลข้างเคียงเหล่านี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก แต่ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของวัคซีนต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดก็มีเพิ่มมากขึ้น ก่อนที่แอสตราเซเนกาจะออกมายอมรับในครั้งนี้

ปีที่แล้วองค์การอนามัยโลก ได้ออกคำแนะนำฉุกเฉินเบื้องต้นเพื่อเพิ่มความตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะโรค TTS จากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เพื่อให้ผู้ให้บริการด้านการแพทย์ประเมิน และบริหารจัดการเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาวะดังกล่าวที่อาจจะเกิดขึ้นได้.

ที่มา : เอพี

คลิกอ่านข่าวเกี่ยวกับ แอสตราเซเนกา